โรงเรียน |
เราออกจากป่าเร็วกว่ากำหนดการ ๑ วันเพราะฝนตก จริงๆ ต้องพักร่างหลังเควส กิน แล้วค่อยเดินออกจากป่า บางคนรู้สึกเพลียไปถ้าออกจากการอดแล้วเดินออกจากป่าเลย ถึงจะกินแล้วก็เถอะ
เราผลัดกันเล่าเควสของเรา คนที่เหลือฟัง สะท้อน และถามคำถาม ช่วง Integration นี้สำคัญเพราะได้ตกผลึกสิ่งที่ได้เรียนรู้ และเป็นการแบ่งปันให้คนอื่นได้เรียนรู้ไปด้วย สะท้อนและถามไม่ใช่เพื่อแนะนำ แต่เพื่อให้เจ้าของเรื่องได้เห็นแง่มุมอื่นๆ
เวลาของวันที่เล่าเรื่องก็มีผล ฉันรู้สึกว่าเรื่องของฉันไม่เหมาะกับตอนกลางคืน และฉันเป็นคนกลางวัน กลางคืนไว้นอน ฉันเลือกเล่าหลังจากเพื่อนอีกคนที่ upbeat มาก เปิดพลังงานตื่นไว้ให้แล้ว
รับขวัญตอนกลับมาจากป่า |
ฉันเหมือนเป็นหมีจำศึลมากกว่า
การมีกัลยาณมิตรสำคัญอย่างที่พระพุทธเจ้าจริงๆ ว่าเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ (กัลยาณมิตรรวมถึงเราเป็นมิตรต่อตัวเองด้วย) รุ่นน้องคนหนึ่งที่รู้จักกันมาหลายปีบอกว่าฉันไม่ค่อยแสดงอารมณ์เวลาฟังเรื่องที่คนอื่นเล่า ทั้งๆ ที่บางเรื่องเศร้ามาก บีบคั้นหัวใจมาก เช่น พ่อทำร้ายร่างกายแม่ พี่น้องติดคุก คู่ชีวิตตาย พ่อแม่แยกทาง แสวงหาความรัก บางคนในวงฟังแล้วน้ำตาไหลพรากภายใน ๒ นาทีแรก ฉันฟังแล้วเศร้าในระดับความคิด แต่มันเข้าไม่ถึงใจ
กระทั่งตอนที่ฉันเล่าหรือเช็คอินเรื่องตัวเองก็ไร้อารมณ์เช่นกัน คือ ตอบแบบ Bullet list ตอบให้เสร็จๆ ไป ไม่พรั่งพรูเหมือนชาวบ้าน น่าจะโทษการเลี้ยงดูและการเรียนวิศวะที่ไม่ได้ให้ค่าความรู้สึก
หลังจากที่เพื่อนบอก ฉันก็ตั้งใจว่าจะลองฝึกพูดยาวๆ แบบใส่ความรู้สึกเยอะๆ บ้าง
คืนสุดท้าย มีเพื่อนสะท้อนเรื่องของตัวเอง พี่ณัฐใช้วิธี IFS (Internal family system) ปลุก"ผี" ในตัวเพื่อนฉันที่อัดความโกรธไว้ภายใน ผีความโกรธนี้ปรากฏฏตัวเมื่อเผลอ ออกมากัดคนอื่นโดยเจ้าตัวไม่รู้ หมอผีณัฐปลุกงูตัวนี้ให้ตื่น นางตาลุกวาว พูดด้วยเสียงงูนี้ มันจริงมากจนคนในวงบา งคนกลัว ฉันโล่งใจและรู้สึกว่าคุ้มละที่มา บอกอย่างไรก็ไม่เหมือนเจ้าตัวเห็นเอง นางจะได้ไป work on เรื่องนี้ต่อเองได้
ฉันเป็นคนโทสะจริต รู้และได้เห็นโทษของการปล่อยให้ความโกรธครอบเราแล้วเราทำตามมัน แต่ในขณะเดียวกัน ความโกรธเป็นพลังงานมหาศาล ถ้าเราอัดไว้และไม่รับรู้มัน (Disown) ในนามของ "ความดี" มันก็แลบออกมาทำร้ายเราและคนอื่นอยู่ดี มาแบบเรารู้ตัวดีกว่าเพราะเราเลือกได้ว่าจะรับมืออย่างไร พี่ณัฐบอกว่าการอัดความโกรธไว้และมันแลบออกมาเป็นระยะๆ ทำให้พลังงานจากตัวเค้าสับสน (Confusing signal) คนที่เข้ามาก็งงๆ และรู้สึกไม่สนิทใจในการคบหา
Harry Potter มากๆ |
วันรุ่งขึ้น พี่ณัฐก็มีเควสส่วนสุดท้ายของตัวเองคือท้องเสียเพราะกินลาบเลือด บวกกับนอนน้อยในคืนก่อนหน้า เป็นโอกาสดีที่พวกเราได้ดูแลฮีเป็นการตอบแทน ร่างกายคงส่งสัญญาณบอกพี่ณัฐว่ามันก็สำคัญเหมือนกัน ใช้ฉันถนอมหน่อย
ตั้งแต่กลับมา ฉันรู้สึกว่าความเกลียดชังที่มีอยู่ลดลง ฉันกลับมาพูดกับคนที่ฉันมีคดีด้วยที่ฉัน Stone wall ใส่มาก่อนหน้านี้ ฉันไม่คิดว่าฉันอ่อนโยนขึ้นเพราะไปลำบากมา แต่เป็นเพราะได้ฟังความทุกข์ยากของคนอื่นมากกว่า รู้สึกเห็นค่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่
ได้คุยกับเพื่อนเก่าตอนขากลับ นางบอกว่าโจทย์ฉันก่อนหน้านี้คือความเมตตา ซึ่งดึงดูดฉันให้ได้พบกับอาจารย์คนหนึ่ง ตอนนี้โจทย์เป็นเรื่องของความอ่อนโยน ก็ทำให้ได้พบกับครูอีกคน ฉันรู้สึกว่่าความอ่อนโยนต่อตัวเองเป็นสิ่งที่ฉันขาดในการเดินทางทางจิตวิญญาณ คือ กับตัวเองยังไม่อ่อนโยน กับคนอื่นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
ณ ตีสองครึ่ง ต้องนอนฟัง |
สิ่งที่พึงกระทำตอนอดอาหารคือดื่มน้ำเยอะๆ มีน้องผู้ชายคนหนึ่งกระเพาะปัสสาวะอักเสบเพราะดื่มน้ำไม่พอ สองปีก่อนก็มีอีกหนึ่งรายทั้งๆ ที่ผู้ชายไม่ค่อยเป็นโรคนี้กัน
ขายคอร์สให้พี่ณัฐด้วยเลย พี่เค้าจัดเควสทุกปีเดือนธันวา ปี ๒๕๖๑ น่าจะเป็นต้นธค. ใบโปรยที่มีรายละเอียด...
Comments