การรวบรวมข้อเขียนทวนสะท้อนสำหรับ Leadership Class (3/4)

Reflections ของนิสิตจากคลาส Communication and leadership

ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนให้เผยแพร่ได้

สามคนแรก   สองคนถัดมา

คนที่หก

ทุกวันศุกร์คือวันที่หนักที่สุด เป็นความเคยตัวที่ชอบสะสมงานและเก็บไว้ทำใกล้ ๆ วันส่ง และอาจารย์เหมือนนัดกันมาว่า ให้ Deadline ส่งงานเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ แต่ก็จะมีอีกความรู้สึกนึงที่เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่กับตัวเรามากๆ ที่ตอนลงทะเบียนลงเรียนวิชาเลือกที่ เปิดใหม่ของ อาจารย์จุฑา พิชิตลำเค็ญ หรือ อ.หญิง และวิชานี้เรียนวันศุกร์ 3 ชั่วโมงติด!! เล่ากลับไปตอนอยู่ปี 2 เราได้ยินชื่ออาจารย์ครั้งแรกตอนที่ไปค่ายของภาค แล้วออกไปเล่นเกม ตอนนั้นเป็นน้องใหม่ของภาค ทะลึ่งไปตอบคำถามของอาจารย์สุวิฒน์ หรือ อ.ลิ้ม แล้วได้ตั๋วไปดูหนังฟรี!!.... กับอาจารย์จุฑา นั่นก็เป็นครั้งแรกเลยครับที่ได้รู้จักชื่ออาจารย์ ผมกลัวครับ เลยบอกอาจารย์ไปว่าติดธุระ มาตอนนี้ก็เสียดายมาก เพราะ...

วิชาเนี้ย มันก็มีเนื้อหาหลักสูตรมาให้อ่าน มันไม่มีตัวเลข ไม่มีรูปเล่มรายงานขั้นตอนมหาศาล หรือการจำกัดความคิดใดๆ เรียกได้ว่าแทบจะไม่เกี่ยวกับวิศวกรรมในความคิดแรกๆ ของเราเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ตัดสินใจลงเรียน เพราะเนื้อหาที่อ่านในหลักสูตรมันดูคล้ายๆ กับชื่อหนังสือ ตามร้านหนังสือที่ชอบเดินเข้าไปอ่านรอเวลา พวกหนังสือปรัชญา การพูด ฟัง How to นู่นนี่นั่น ที่เราไม่เคยจะหยิบมาอ่านเพราะน่าจะฝุ่นเกาะก่อนที่จะเปิดอ่านจนจบเล่ม ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเจออาจารย์ เราเปิดใจรับวิชานี้ทันที ไม่รู้ว่าเพราะสีหน้า ท่าทาง การพูด ที่อาจารย์กับเราคุยกันครั้งแรกหรือว่าเป็นรูปแบบของกิจกรรม เรารู้สึกสบายใจ ไว้ใจอาจารย์ ไม่รู้สึกกลัว เกรงใจไม่มากเท่าไหร่ เพราะในความรู้สึกเรามีเพียงแค่คำว่า"อาจารย์" เท่านั้นที่กั้นไว้ เคารพน่าจะเป็นคำที่ใช้ได้ อาจารย์สบายๆ มาก พูดเก่ง อารมณ์ดี ดู "น่าสนใจ" ตอนที่เรียน ทุกศุกร์ก็จะมีเรื่องใหม่ กิจกรรมแปลก ๆ มาให้ทำ มีเพื่อนอาจารย์มาช่วยสอน ช่วงแรกของคลาสก็จะรู้สึกง่วง ๆ หน่อย เพราะเริ่มบ่าย พึ่งอิ่มข้าวมาตลอด แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นความสนุก เป็นการรับพลังงาน จากเพื่อนๆ จากอาจารย์ทุกคน โดยส่วยตัวคิดว่าพลังความรู้สึกนี้ เป็นสิ่งที่เกิดมาจาก การที่ทุกคนเต็มใจ อาสาที่จะทำด้วยใจ วิชานี้มีคนลงไม่ถึง 20 คน มาลงเพิ่มด้วย รวมแล้ว ก็ 15 คน มันเลยทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี ช่วงท้ายคาบที่จะต้องมานั่งเป็นวงกลม เราจะใจหายทุกครั้ง เหมือนกับการต้องออกจาก safe zone ที่มีแต่คนที่พร้อมจะเข้าใจ

ใจร้อน เป็นสิ่งแรกที่เพื่อนบอกเราว่าเป็นแบบนั้น วิชานี้ทำให้เราได้วิเคราะห์ตัวเองทีละนิด ละนิด หาวิธีการจัดการมันด้วยตัวเอง แต่ก็มีคนอีก 14 คนนี่แหละที่เรารู้ว่า เค้าเข้าใจเรา

ไม่ชอบรับฟัง เรื่องทุกข์ใจของคนอื่น เราไม่ชอบฟัง คิดว่า ก็มันเป็นปัญหาของใครของมัน เราจะไปเข้าใจ ไปแก้ปัญหาให้ได้ยังไง ฟังไปก็เสียเวลา วิชานี้ สอน ให้ฟัง โดยที่ไม่ตัดสิน ไม่คิดแทน เพียงแค่ฟังแล้ว สะกิด ค่อยๆทีละนิด แสดงการรับรู้ เราก็ได้เป็นคนเล่า เลยรู้สึกว่าการที่มีคนรับรู้ปัญหาของเรา มันก็ดีมากแล้ว

คำพูดหมาป่า คำพูดที่พูดออกไปโดยคิดแล้ว คิดเพียงแต่ผลลัพธ์ ไม่คิดถึงความรู้สึกของคนฟัง ที่มีความแตกต่าง เราเรียนรู้ที่จะพูดแบบยีราฟ ระมัดระวัง ค่อยๆเพิ่มความ ละเมียดละไมกับการกระทำ มากขึ้น

ซึ่งทุกๆอย่างไม่ได้เปลี่ยนเราเป็นอีกคน แต่มันทำให้เรามองภาพได้กว้างขึ้น เข้าใจได้มากขึ้น เกี่ยวกับชีวิต

-ขอบคุณครับ อาจารย์ทุกๆท่าน เพื่อนๆ พี่เนย พี่เก้า พี่แพค ที่ดูแลกันมา-

คนที่เจ็ด

เรื่องราว reflection ของผมคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ส่งอาจารย์ ปกติต้องส่งทุกอาทิตย์ (พูดแล้วรู้สึกใจหายแปลกๆ T_T)

ตอนที่ผมกำลังขึ้นเรียนชั้นปีที่ 4 ค่อนข้างรู้สึกหนักใจว่าจะลงเรียนวิชาตัวไหนดีเพราะต้องเรียน 2 ตัว ผมเรียกได้ว่ามีความโชคดีก็ว่าได้ที่อาจารย์ได้เปิดวิชานี้พอดี ผมก็ได้เข้าไปดูเนื้อหาการเรียน ก็พบหัวข้อที่น่าสนใจคือความเป็นผู้นำ  ถ้าดูจากภายนอกตัวผมค่อนข้างเป็นคน เฮฮาสนุกสนาน  แต่เวลางานจริงจังผมกับทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ซึ่งตรงนี้เองผมอยากเรียนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ครั้งแรกของการเรียนผมเข้าไปเจออาจารย์ ก็รู้สึกว่าอาจารย์ดูเป็นกันเองมาก ซึ่งไม่เหมือนกับที่ผมคิดเพราะเคยเห็นอาจารย์มาก่อนแต่ไม่ได้เรียนด้วย จนได้มาเรียนด้วยกัน อาจารย์ได้ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างป้ายชื่อผมก็ได้ว่ายรูปน้ำแข็งแล้วเขียนชื่อ เรียนครั้งแรกเป็นการแนะนำวิศวอุตสาหการ ส่วนที่ผมประทับใจคือการยกตัวอย่าง ผู้ว่าเชียงราย ของอาจารย์พี ให้เห็นสิ่งที่สำคัญคือความแตกต่าง การมีความแตกต่างจะเป็นจุดเด่นที่ช่วยทำให้เราประสบความสำเร็จ

การเรียนค่อยๆ ผ่านไปแต่ละสัปดาห์แต่สิ่งที่ค่อยๆสะสมในตัวผมคือประสบการณ์ด้านต่างๆซึ่งเกิดจากการที่ได้ทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน ผมชอบหลายกิจกรรมที่ผม เพื่อนๆ และ พี่ได้ทำร่วมกันซึ่งมันได้เป็นการพัฒนาตัวเองไปในตัวที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะ ตัวผมเจอสถานการณ์เดิม แต่การปัญหาเปลียนไปอย่างสิ้นเชิงโดย ซึ่งค่อนข้างจะได้ผลมากขึ้นและมีความละเอียดลออ

มีครั้งหนึ่งที่อาจารย์เรียกผมไปพบเป็นเหตุการณ์ที่ผมประทับใจมากเลยครับอาจารย์ ความรู้สึกเหมือนกับว่าได้ไปปรับทุกข์ ผมรู้สึกผ่อนคลายมากๆ เลยครับ เพราะน้อยมากนะครับที่ผมเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้ใครฟัง การที่อาจารย์รับฟังผม และเข้าใจตัวผมผมรู้สึกดีมากเลยครับ โดยอาจารย์คอยแนะแนวทางให้ผมเผชิญการปัญหาเพราะตัวผมค่อนข้างมีลักษณะนิสัยหนู พอสมควรเป็นคนอะไรก็ได้ ง่ายๆ จนบางทีตรงนี้กลับมาทำร้ายเราโดยเราไม่รู้สึกตัว ทำให้ผมกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วพบว่ามันดีขึ้นจริงๆครับ อาทิ การเลือกร้านอาหาร การทำงานกลุ่ม เป็นต้น

เหตุการณ์ครั้งไหนที่รู้สึกตัวเองต้องแก้ปัญหาให้กับตัวเองคงเป็นเหตุการณ์ที่ผมได้ทำกิจกรรมที่พี่เก๋ให้วาดรูปโดยแต่ละคนแบ่งหน้าที่ในการสื่อสารกัน ผมทำกิจกรรมแล้วสื่อสารกับเพื่อน เวลาทำกิจกรรมผมสื่อสารเรียกว่า ทำได้ไม่ดี การพูดจัดลำดับการพูดได้ไม่ค่อยดี โดยหลังจากทำกิจกรรมนี้ผมได้ทบทวนตัวเอง และได้กลับไปฝึกฝนตัวเองโดยเวลาทำงานกลุ่มผมจะหน้าที่เป็นคนนำเสนอ พอทำไปมากๆรู้สึกความประหม่าค่อยๆลดลงไปเอง

คลองหลอดเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ทำกิจกรรมตอบแทนสังคมซึ่งรู้สึกว่าบางทีตัวเรามีมากพอควรแบ่งปันคนอื่นบ้าง การให้ในครั้งที่ไปผมรู้สึกดีมากๆเลยครับมันทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นไปอีกโดยที่เราเอาสิ่งจำเป็นไปให้เค้าแล้วช่วยเค้าให้มีงานทำ และได้กลับบ้านซึ่งเป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในสังคมเรา

การได้ออกทำกิจกรรมข้างนอกอย่างเช่นการไปทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจุฬา วันนั้นผมสนุกๆมากเลยครับเป็นการเรียนรู้ของคนที่ประยุกต์สิ่งต่างให้ทันสมัยทำให้ศิลปะไทยไม่ถูกกลืนกินลงไป ทำกิจกรรมครั้งนี้ได้ข้อคิดต่างๆเพิ่มมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามเอาชนะอุปสรรคต่างๆ วันนั้นผมเต้นสนุกมากเลยครับ

การที่อาจารย์ให้ผมและพี่ๆ เพื่อนๆ ไปทำออกตามหาบุคคลที่เราอยากเป็นในอนาคตซึ่งตอนแรกก็แอบบกังวลจะหาบุคคลต่างๆได้จากไหน แต่ผมก็เชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องทำได้ ผมก็ค่อยๆหาไปสุดก็บรรลุเป้าหมายโดยรับความช่วยเหลือจากคนที่เรารู้จัก
สิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมนี้คงเป็นการตอบคำถามที่เราสงสัยว่าตัวเราจะได้จริงหรือไม่บางคำถาม สุดท้ายตัวเราเท่านั้นที่ตอบคำถามนั้นได้ทั้งหมด

สุดท้ายอยากขอขอบคุณอารย์และพี่กระบวณกรทุกท่านที่คอยสิ่งดีๆให้ผม และขอบคุณพี่ๆ เพื่อน ที่คอยตั้งใจทำกิจกรรมทำให้กิจกรรมที่ออกมาค่อนข้างสนุกสนาน และผมจะนำตรงนี้ไปปรับใช้ในชีวิตต่อไปครับ บางทีแต่ละครั้งตัวผมอาจเหนื่อยล้าไปบ้างในบางกิจกรรม แต่ก็ตั้งใจทำออกให้ดีที่สุดครับ
ปล. ผมชอบนิสัยชิวๆของอาจารย์มากเลยครับผมค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่กับอาจารย์ครับ

รักอาจารย์ครับ


คนที่แปด

เห็นชื่อวิชาแนะนำครั้งแรกถ้าจำไม่ผิด selected topic ie อะไรสักแค่ชื่อก็ดูแปลกเลยกดเข้าไปอ่าน course syllabus พออ่านแล้วน่าสนใจมากคิดว่าวิชานี้ต้องเป็นประโยชน์แน่ๆ ไหนๆก็ปี 4แล้ว ขอเลือกลงวิชาที่ตัวเองสนใจจริงๆ หน่อยละกัน

การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น

1. การพูดคุยต่อหน้าคนอื่น
เปิดคลาสนี้มาครั้งแรกด้วยการทำป้ายชื่อตามมาด้วยการแนะนำตัว สิ่งที่ชอบ และทุกๆครั้งที่เข้าคลาสก็จะได้บอกความรู้สึกของตัวเองให้คนหมู่มากฟัง ได้ทำการ acknowledge และเหตุผลของการacknowledge การสนทนาและกิจกรรมในวงต่างๆมันคงช่วยเสริมทักษะการพูดคุยให้กับทุกคน

2.การฝึก deep listening
การฟังอย่างลึกซึ้ง หลายครั้งที่เราตัดสินปัญหาของคนอื่นจากภายนอก เราไม่เคยที่จะรับฟังมันอย่างจริงๆ เรามักจะเอาความคิดของเราเป็นศูนย์กลางและตัดสินแก้ปัญหาให้เขา แต่จริงๆแล้วคนที่กำลังจะเจอปัญหาอาจจะต้องการแค่เพียงคนรับฟัง ซึ่งการ deep listening ก็เหมือนเป็นการ acknowledge ผู้พูดไปในตัว มันทำให้เราเริ่มที่จะเข้าใจผู้อื่น

3.การฝึกถามความรู้สึกตัวเอง,การสื่อสารอย่างสันติ, การหาpassion
มันน่าตลกที่สุด เราอยู่กับตัวเราตลอดแต่เราไม่เคยสำรวจตัวเราเองเลยว่า ความรู้สึกจริงๆของเราคืออะไรซึ่งมันทำให้การสื่อสารผิดเพี้ยนจากการไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเราเอง มันอาจจะทำให้เราปล่อยเสียงหมาป่าถ้อยคำที่อาจจะไปทำร้ายคนรอบข้างทั้งๆที่เราอาจจะหวังดีกับเขาก็ได้ ซึ่งการสำรวจความรู้สึกของตัวเองจะทำให้การสื่อสารได้ดีขึ้น อาจจะไม่ได้สื่อสารอย่างสันติ 100เปอร์เซ็นต์แต่ผมก็เชื่อว่ามันดีขึ้นกว่าการไม่ได้สำรวจความรู้สึกของตัวเองเลย นอกจากนี้การฝึกสำรวจความรู้สึกของตัวเอง มันทำให้รู้ว่าความสุขมันอยู่ใกล้ตัวเรา บางที่ passion อาจจะอยู่ใกล้ตัวเรามากด้วยซ้ำ

4.นพลักษณ์
การเรียนรู้ว่าแต่ละคนจะมีสิ่งที่ขับเคลื่อนของกันและกันต่างกัน บ้างอย่างไม่เคยเข้าใจมันเลยและมันทำให้เราหนัก ทำให้เราทุกข์ พอเราได้เข้าใจมันะยอมรับมัน ทำให้เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น
พอเข้าใจตัวเองมากขึ้น ในทางกับกันเราก็สามารถเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น ทางรู้ถึงแรงขับเคลื่อนของเขา

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในตัวฉัน

รู้สึกอะไรหลายๆอย่างมันเบาลง รู้สึกได้รับการเยี่ยวยาบ้างอย่าง เหมือนกับว่าใช้ทุกวินาทีของชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ไม่ต้องเก็บบางอย่างไปคิดเพียงแค่เข้าใจและยอมรับมัน รู้สึกเข้าถึงเพื่อนบางคนได้ลึกขึ้นกล้าที่จะบอกความรู้สึกของตนเอง กล้าที่จะบอกว่าตัวเองชอบอะไรอยากทำอะไร กล้าที่จะบอกว่าตัวเองกลัวอะไรและการเผชิญหน้ากับมันมากขึ้น

สิ่งที่ชอบในคลาสนี้

การพูดคุยกันอย่างมีคุณภาพในทุกๆคลาส และพอได้เรียนคลาสนี้จบ รู้ได้เลยว่าอาจาร์ยวางแผนบทเรียนมาอย่างดี พอทุกอย่างมารวมกันมันทำให้ผมเข้าใจและประยุกต์บทเรียนทุกอย่างได้ดีขึ้น

ข้อเสนอแนะ

อยากให้รุ่นน้องที่สนใจได้เรียนวิชานี้ครับ

Comments