นิสิตประเมินตัวเองหลังคลาส (ฐานใจ)

คาบสุดท้าย: Art therapy
Reflection โดยนิสิตฐานหัว
  1. สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากวิชานี้ที่สำคัญที่สุด 3 อย่าง

    • เรื่องนพลักษณ์ อย่างแรกเลย เราได้สำรวจตัวเองและได้รู้ว่าตัวเองคือนพลักษณ์ที่ 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ทำให้รู้สึกสนใจมาก ๆ เพราะ ไม่คิดว่าเรื่องนพลักษณ์มันจะตรงกับนิสัยเรามากขนาดนี้ การที่ค่อย ๆ ได้เรียนรู้นพลักษณ์ของตัวเอง มันเหมือนได้เห็นภาพในอดีตว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ เช่น แบบทำให้ทุกอย่างจนไม่รู้ความต้องการตัวเอง ซึ่งมันจริงที่สุด และการเก็บกดก็เป็นของที่ทำบ่อยจนชินมาก ๆ เพราะ ในตอนนั้นการที่เราจะบอกอะไรไปว่ารู้สึกไม่โอเคอะไรตรงไหน เราจะนึกถึงผลกระทบอื่น ๆ มาก่อนตลอด โดยไม่ได้มองดูว่าตัวเองโอเคมั้ย การที่เราไม่ได้ระบายมันออกไป อนาคตมันพร้อมระเบิดได้เสมอ การเรียนเรื่องนี้ก็เหมือนทำให้เราได้ปรับ ได้มีความกล้าที่จะบอกความต้องการ หรือความรู้สึกที่เราเป็นให้คนรอบข้างได้รับรู้ และการหาวิธีระบายโดยการเขียนก็ช่วยมาก ๆ เหมือนกัน มันทำให้ไม่รู้หนักอยู่ข้างในใจมากเกินไป และก็ได้รู้จักตัวเอง ให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้นด้วย และหลัง ๆ ส่วนนพลักษณ์อื่นของเพื่อน ๆ ก็ได้เรียนรู้มากขึ้นเหมือนกัน ก็เข้าใจลักษณะของเพื่อนมากขึ้น ความเป็นคน ๆ นั้น มันอาจทำให้เรารู้สึกโกรธ หรือรู้สึกไม่ดีน้อยลง และเข้าใจมากขึ้นจริง ๆ ก็ช่วยให้ทะเลาะกันน้อยลงไปมาก
    • การสื่อสารอย่างสันติ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้สึกว่า นอกจากเราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น เรายังเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้นด้วย และเราจะได้รู้วิธีการสื่อสารว่าควรพูดออกไปยังไง การที่ได้คอยสังเกตอารมณ์กับความต้องการจากเสียงหมาป่าของตัวเองในทุก ๆ วันก่อนเรียนคาบถัดไป มันช่วยให้เราได้เห็นถึงความต้องการของตัวเองมากขึ้น จากคนที่ไม่ค่อยมองเห็นถึงความต้องการของตัวเองขนาดนั้น บางครั้งมันก็ทำให้เราได้วิธีการในการทำให้ได้ตามความต้องการนั้นด้วย เพราะ บางทีคนเราก็รู้ว่าเราอารมณ์ไหน แต่ก็ไม่ได้ไปถึงความต้องการของตัวเองมากขึ้น และในกิจกรรมที่ได้ได้ฟังเรื่องราวของเพื่อน และทายอารมณ์กับความต้องการของเพื่อน แล้วได้จับกลุ่มกับเพื่อนสนิทของตัวเอง มันก็ทำให้มีความเคลียร์มากขึ้น ในเรื่องที่เราอาจจะเคยทะเลาะกันหนักมากในเมื่อก่อน เราได้เห็นมุมมองของเค้าที่เราไม่เคยเห็น เราจะเห็นสิ่งที่เค้าแสดงออกแล้วตีความไปด้านเดียว แต่จริง ๆ แล้วก็ได้รู้สิ่งที่เพื่อนรู้สึกและต้องการมากขึ้น จริง ๆ ก็แอบได้ปลดล็อคมากขึ้น และทำให้รู้ว่าถ้าเราเปลี่ยนจากตีความเป็นสังเกต ปัญหาที่เกิดขึ้นก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ และการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ ถ้าเรารู้ความต้องการแต่เราไม่มีวิธีที่สื่อสารที่ดี มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร การที่ได้เรียนเรื่องนี้ก็ได้ใช้ในชีวิตประจำวันได้เยอะมาก ๆ สิ่งที่อาจจะต้องฝึกต่อก็น่าจะเป็นวิธีสื่อสารที่เราต้องมีสติ และไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป
    • การฟังจากใต้ภูเขาน้ำแข็ง รู้สึกว่าเรื่องนี้คือเรื่องสำคัญมาก ๆ คือถ้าเรารู้ใต้ภูเขาน้ำแข็งมันคงดีมาก ๆ โดยหลังจากเรียน การรู้ภูเขาน้ำแข็งมันไม่ได้ให้เราหมดจากปัญหา แต่มันทำให้เราเข้าใจการกระทำ เป้าหมายของแต่ละคน รวมถึงตัวเอง แล้วเราจะรู้สึกเคลียร์ เข้าใจอีกฝ่าย และการฟังที่ดีก็เป็นสิ่งที่เราควรเป็น การที่ได้แลกเปลี่ยนวิธีการฟังของเพื่อน ๆ มันได้เห็นความแตกต่าง เพราะ ความต้องการของแต่ละคนก็ต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญเวลาเราฟัง เราก็ต้องทำให้ผู้ที่ระบายรู้สึกปลอดภัย มากกว่าการแสดงความเห็น แต่อาจจะเป็นการถามปลายเปิดเพื่อให้ผู้พูดได้มองเห็นถึงใต้ภูเขาน้ำแข็งของตัวเอง แล้วเข้าใจตัวเองและอีกฝ่ายมากขึ้น หลังจากที่ได้เรียนก็ได้ใช้อยู่เวลาที่มีเพื่อนมาระบายที่สิ่งไม่โอเค สิ่งที่ได้เห็นเวลาที่เพื่อนโอเคขึ้น มันรู้สึกดีมาก ๆ ที่ทำให้ผู้ระบายรู้สึกปลอดภัยและเคลียร์ และก็ได้รู้ว่าถึงเป้าหมายจะเหมือนกัน แต่การกระทำหรือความคิดด้านอื่น ๆ ไม่เหมือนกัน แค่เราเข้าใจทุกอย่างก็เคลียร์ขึ้นเอง
  2. คุณในเวอร์ชั่นก่อนเรียน และหลังเรียน แตกต่างกันอย่างไร (เช่น ในแง่พฤติกรรม ความสัมพันธ์กับตัวเองและคนอื่น ทัศนคติ/ความเชื่อ เป้าหมายชีวิต)

    • เวอร์ชั่นก่อนเรียน ถ้าเริ่มตั้งแต่แรก ๆ เลย ตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะชอบคิดมากในหลายเรื่อง ๆ และชอบให้ในหลาย ๆ อย่าง รู้สึกเวลารู้รับรู้สึกดีเราก็จะดีใจ จนบางทีก็กลับไปคิดว่าเราต้องการอะไรกันแน่ และไม่รู้ลิมิตว่าเราโอเคหรือไม่โอเค แล้วชอบคิดตีความไปก่อนมาก โดยเวลามีปัญหาเราจะมองมุมมองฝั่งตัวเองเป็นหลัก มุมมองคนอื่นจะไม่ค่อยมอง ส่วนในความสัมพันธ์กับที่บ้านจะปกติ เพราะ อยู่ต่างจังหวัด แต่กับเพื่อนค่อนข้างเหมือนรถไฟเหาะ ถ้าอยู่กันดีๆ ก็มีเยอะกว่าทะเลาะ แต่ก็จะทะเลาะมากกว่าชาวบ้านปกติ จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เข้าใจกัน และขาดการสื่อสารที่ดี ส่วนมากความคิดเราตอนนั้นแอบหวังผล และคาดหวังมามาก เพราะเหมือนกับเชื่อว่าเราทำให้เพื่อนแล้ว เพื่อนควรทำให้เราบ้างสิ เป้าหมายก็คือเป็นที่ยอมรับจากเพื่อน แต่มันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนปี 4 เริ่มเข้าใจบางส่วน เพราะ รู้เรื่องนพลักษณ์มาก่อน เริ่มยอมรับในบางอย่างได้บ้าง แต่ก็อาจจะยังไม่ได้เข้าใจทุก ๆ อย่างขนาดนั้น
    • เวอร์ชั่นหลังเรียน คิดว่าเข้าใจและรู้จักตัวเองมากขึ้นเยอะมากๆ และเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น เหมือนเราไม่ด่วนตัดสินอะไรเร็วเกินไปเหมือนเมื่อก่อน การให้ที่ชอบทำก็รู้ลิมิตของตัวเอง เอาตัวเองเป็นหลักก่อน ไม่ค่อยทำเกินตัว และกล้าที่จะบอกความต้องการของตัวเอง รู้สึกอะไรเราก็รู้ทันมากขึ้น โดยที่ไม่เก็บไว้คนเดียว ในความสัมพันธ์กับเพื่อน ก็ถือว่าดีขึ้น เพราะ เพื่อนมาเรียนวิชานี้ด้วยกัน เลยได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของเพื่อนระหว่างที่เรียน เข้าใจมากขึ้น ไม่ทะเลาะกันเลย และเป้าหมายใหม่ที่เกิดขึ้นคือ เข้าใจตัวเองให้มากที่สุด การยอมรับตัวเอง และการให้เราก็ไม่ได้หวังอะไรมาก ทำเท่าที่พอใจ และเวลามีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันกับเพื่อนก็เริ่มค่อยๆ สื่อสารให้เข้าใจ และทุกประเด็นที่ไม่เข้าใจก็สามารถเคลียร์ได้ไวขึ้น ได้รู้ความต้องการของตัวเองและหาความสุขให้ตัวเองได้เยอะขึ้น
  3. มีด้านใดของคุณที่คุณอยากจะเปลี่ยน แต่ยังไม่เปลี่ยนบ้าง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พยายามมาตลอด คือการที่อะไรมากระทบเรามากๆ แล้ว รู้สึกกับตรงนั้นมากไป มันจะอีโมมากๆ และบางทีก็เอากลับมาคิดมากพอสมควร อยากรู้สึกให้มันน้อยลง บางทีเราอาจจะยังไม่เคยเจอมาก่อน เข้าใจถ้าจะรู้สึกมาก แต่คิดว่าถ้าหากเราให้ค่ากับสิ่งนั้นให้เป็น เวลาที่อะไรมากระทบใจเรามากๆ คงน้อยลง ก็คงคิดว่าต้องค่อยๆ ปรับกันต่อไป ทั้งระบบความคิด หรือวิธีการต่างๆ ที่มันโอเค ไม่ยากเกินความสามารถ

  4. สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนวิชานี้ คุณจะอธิบายวิชานี้ให้ฟังว่าอย่างไร น่าจะบอกประมาณว่า วิชานี้ถ้าได้เรียน เราสามารถนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ได้แน่นอนในทุก ๆ วัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ในการทำงานในอนาคตมันก็ช่วยได้มากๆ จริงๆ เรียนแล้วไม่เครียดด้วย มีกิจกรรมให้ทำทุกคาบ ค่อยๆ ได้เรียนรู้ตัวเองไปเรื่อยๆ และบางทีถ้าเรามีปัญหา เราก็จะสามารถเข้าใจเค้ามากขึ้นอีกด้วย

Comments