นิสิตประเมินตัวเองหลังคลาส (ฐานหัว)

 

Course Schedule

จบคลาส Communication and Leadership ไปอีกเทอม นิสิต 24 คน เกือบครบทุกลักษณ์ ขาดลักษณ์ 1 

นิสิตเขียนประเมินตัวเองท้ายเทอม ฉันเลือกมา 3 อัน ตามฐานหัว ฐานใจ และฐานกาย ฉันแก้ไขเพิ่มเรื่องเว้นวรรค ย่อหน้า ให้อ่านได้ไหลลื่นขึ้น แต่ไม่ได้เปลี่ยนคำ ฉันได้รับอนุญาตจากนิสิตให้เผยแพร่ได้


  1. สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากวิชานี้สำคัญที่สุด 3 อย่าง

    • เข้าใจความหลากหลาย : ย้อนกลับไปถึงคลาสแรกที่ผมเคยบอกอาจารย์ว่าไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนเลย เพราะรู้สึกเพื่อนๆ ไม่น่าสนใจ แต่พอได้เปิดใจ ได้ลองเรียนรู้จากคลาสนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นพลักษณ์ การสื่อสารอย่างสันติ ภูเขาน้ำแข็ง ก็ทำให้รู้สึกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น แล้วคลาสสุดท้ายที่เป็น art therapy เป็นกิจกรรมที่ผมชอบมาก แล้วได้เรียนรู้อะไรเยอะมากด้วย จากการวาดรูปที่ทุกคนวาดรูปโดยมีหัวข้อมาจากอาจารย์และถูกแนะนำมาเหมือนกัน แต่การรูปภาพของเพื่อนที่แสดงออกมาไม่เหมือนกันเลย ทั้งลายเส้น สี โทนของภาพ สนิทกันมากขึ้น ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด แล้วก็ผ่านอะไรในคลาสมาด้วยกัน

      ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนเราเกิดมาจะมีบุคลิก ท่าทาง น้ำเสียง แตกต่างกัน แล้วมาจากหลากหลายสังคมการเติบโต ทุกคนก็ต้องปรับตัวและเราก็ควรที่จะต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่ด้วยกันได้

    • รู้เท่าทันตัวเองและมีสติมากขึ้น : ปกติเป็นคนชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สนใจปัจจุบันตรงหน้าขนาดนั้น สนใจแค่ช่วงที่เราชอบหรือสนุก จนบางครั้งก็ทำให้เผลอล่องลอยอยู่ในความคิดตัวเอง แต่คลาสนี้ทำให้ผมต้องมีสติมากขึ้น เพราะทุกครั้งที่เรียนจะมีการถามความรู้สึก ให้เช็คอินก่อนเรียนและหลังเรียน ถามถึงพลังงานและความพร้อมในการเรียนของเรา แล้วไหนจะมีการสะท้อนทุกคาบ ทำให้ผมต้องมีสติ จดจ่ออยู่กับทุกสิ่งที่ทำในคลาสเพื่อไม่ให้พลาดรายละเอียดอะไรไป ว่าหลังจากจบกิจกรรมเรามีความรู้สึกยังไง สนุกมากน้อยแค่ไหน แล้วมันแสดงตัวตนของเรายังไง ซึ่งการทำแบบนี้ก็ช่วยให้เรามีสติมากขึ้น รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งกิจกรรมที่ผมชอบที่สุดน่าจะเป็นเสียงหมาป่า และ feelings and needs ที่ต้องบอกความต้องการและความรู้สึกตัวเอง เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องกลับมารีแคปความรู้สึกของตัวเองทั้งวัน ว่าเหตุการณ์ในแต่ละวันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วมีอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความรู้สึกที่เราไม่เข้าใจ แล้วเราได้เรียนรู้ว่าอาการแบบนั้นมันคืออะไร แล้วเรามีความต้องการแบบไหนเวลาที่เกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้น ทำให้เราสามารถจัดการตัวเอง ดีลกับความรู้สึกตัวเองได้ดีขึ้น

    • เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น : พอเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น แล้วเราจะเข้าใจคนอื่นได้ดีขึ้นด้วย เพราะเราเรียนนพลักษณ์ เราก็สามารถรู้ได้ว่าเค้าเป็นคนแบบไหน ลักษณ์ไหน บุคลิก จุดเด่น จุดด้อย เค้าคืออะไร ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ดีขึ้น แล้วการเรียนภูเขาน้ำแข็งก็ช่วยให้เราเข้าใจเหตุผลการกระทำของคนอื่น ว่าบางอย่างมันอาจจะเกิดจากการรับรู้ส่วนลึกของเค้าที่ได้รับรู้ เรียนรู้แบบนั้นแล้วก็ทำตามสิ่งที่ตัวเองได้รับรู้มา

  2. คุณในเวอร์ชันก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างไร

    • พฤติกรรม : ปกติผมเป็นคนที่ไม่เคยมานั่งรีแคปเหตุการณ์ในชีวิตเลย แต่พอได้เรียนวิชานี้ ทำให้บางวันก่อนนอนผมมานั่งตกตะกอนความรู้สึกตัวเอง ว่าอะไรบ้างที่เราทำให้รู้สึกดีหรือไม่ดี เราจะได้จัดการความรู้สึกตัวเองในครั้งต่อไปได้ดีขึ้น แล้วก็มีสติกับปัจจุบันมากขึ้นครับ
    • ความสัมพันธ์กับตัวเองและคนอื่น : ความสัมพันธ์กับตัวเอง แต่ก่อนผมไม่ค่อยสนใจความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น เวลาเป็นอะไรก็จะเก็บไว้ ไม่ค่อยแสดงออก แล้วก็จะเป็นแบบนั้นอยู่บ่อยๆ แต่พอได้เรียนรู้ความต้องการของตัวเองแล้วยอมรับว่าเราไม่โอเค ผมก็จะไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ดี กับคนรอบข้างก็ช่วยให้เราสังเกตความรู้สึกคนอื่นได้ ว่าเราควรทำแบบไหนให้คนอื่นรู้สึกดี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นได้ดีขึ้น
    • ความเชื่อ/ทัศนคติ : วิชานี้ช่วยเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตผมได้หลายเรื่อง แต่ที่ชัดที่สุดน่าจะเป็นเรื่องเพื่อน แต่ก่อนผมจะคุยแค่กับคนที่ผมรู้สึกว่าเข้ากันได้ แต่พอได้เข้าใจเรื่องลักษณ์ ความแตกต่าง ก็ทำให้ผมลองเปิดใจกับเพื่อนใหม่ๆ ทำให้ได้มีมุมมองใหม่ๆ เป็นหนึ่งสิ่งที่รู้สึกว่าได้ออกจากคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง ได้คุยกับคนหลากหลายมากขึ้น
    • เป้าหมายชีวิต : ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างตึงมากในการใช้ชีวิต ถ้าตั้งเป้าหมายอะไรก็จะต้องทำให้ได้ ไม่ค่อยสนใจระหว่างทาง หรืออะไรที่ไม่ช่วยให้ผมไปถึงเป้าหมาย ผมก็จะไม่สนใจ ทำให้บางครั้งก็ทำให้เพื่อนหรือสังคมหล่นหายไป ไม่ได้ชื่นชมหรือสนใจระหว่างทางเลย การเรียนวิชานี้ช่วยให้ผมสนใจคนอื่นมากขึ้น เปิดมุมมองในด้านอื่นที่ไม่เคยนึกถึง
  3. มีด้านใดของคุณที่อยากจะเปลี่ยนแต่ยังไม่เปลี่ยนบ้าง คิดว่าเป็นเรื่องการสื่อสารกับคนอื่น ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง ไม่ค่อยกล้าบอกความต้องการหรือความคิดของตัวเอง วิชานี้ช่วยให้ได้พูด ได้กล้าแสดงออกมากขึ้น แต่จริงๆ ผมก็ยังมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่ กลัวว่าจะพูดอะไรผิดพลาดหรือทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี เพราะแต่ก่อนผมเป็นคนที่พูดไม่ค่อยคิดเท่าไรครับ พอโตมาก็คิดมากขึ้น แต่ก็กลายเป็นว่าคิดมากเกินไปจนทำให้ไม่กล้าพูดอะไรออกไป เพราะกลัวคนอื่นรู้สึกไม่ดี แล้วก็ไม่มั่นใจว่าเค้าอยากฟังสิ่งที่เราพูดมั้ย เลยพูดแค่เฉพาะกับคนที่ผมรู้สึกสนิทหรือไว้ใจมากว่าอยากคุยกับเราเท่านั้น แต่ วิชานี้ช่วยให้ได้คุยกับเพื่อนมากขึ้น แล้วก็รู้สึกว่าบางทีเราก็คิดมากเกินไป การสื่อสารมันก็มีไม่เข้าใจหรือผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเราไม่สื่อสารเลย เราก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จากนี้ก็จะพยายามสื่อสารให้มากขึ้น กล้าแสดงออกให้มากขึ้นครับ

  4. สำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนวิชานี้ คุณจะอธิบายวิชานี้ให้ฟังว่าอย่างไร ถ้าไม่มีวิชาภาคที่สนใจหรือวิชาอื่นที่ยังดรอปอยู่ แนะนำให้เรียนครับ วิชานี้ให้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากวิชาอื่น เป็นวิชาที่ไม่ต้องใช้หนังสือ ใช้อุปกรณ์อะไรเลย จะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสนใจและตั้งใจของเรา เรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรมโดยแต่ละคลาสก็จะมีวิทยากรมาให้ความรู้ ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิต ช่วยพัฒนาเราไปในทางที่ดีขึ้น ได้รู้จักตัวเอง เข้าใจความแตกต่าง ความหลากหลาย โดยที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เราได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาโดยไม่มีการตัดสิน เคารพความคิดเห็นของกันและกัน

    ตอนแรกผมก็ลงเรียนวิชานี้เพราะอยากหาวิชาสบายๆ เรียนในเทอมสุดท้าย จริงๆ มันก็เป็นวิชาที่ชิล แต่ทุกครั้งต้องมีการรีเฟลคชันซึ่งต้องมีวินัยเขียนส่งในทุกๆ คาบ สำหรับคนที่ไม่ชอบเขียนเรียงความยาวๆ ก็จะเหนื่อยหน่อย แต่มันก็เป็นการฝึกสมาธิให้เราได้ตกตะกอนความรู้สึก ความคิดของตัวเอง ส่วนตัวไม่รู้สึกตัดสินใจผิดที่ลงวิชานี้เลย บรรยากาศการเรียนดี อาจารย์ใส่ใจทุกคนมากๆ แบบรู้สึกได้ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนหรือไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนก็สามารถเรียนได้ ทุกคนจะได้รู้จักกันมากขึ้นผ่านการเรียนวิชานี้แน่นอน


Comments