Coaching one to hear his soul (4/4)

ตอนที่ ๓

น้ำตกโป่งพระบาท
หลังจาก Coaching demo อารมณ์มันค้าง และพวกเราอยู่ในห้องกันมาหลายวัน พี่ณัฐเลยจัด Mini quest ให้  ไปกินข้าวซอยข้างนอกแล้วต่อด้วยน้ำพุโป่งพระบาท ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใกล้ตัวเมืองเชียงรายที่สุด

ฉันสองจิตสองใจว่าควรจะไปน้ำตกดีหรือไปหาร้านกาแฟนั่งทำงานดี กลับไปต้องสอนทันที ในที่สุดก็ไป โดยเอาโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ไปทำงานด้วย เพราะรู้สึกว่าพี่ณัฐอยากให้ไป

พี่ณัฐให้เราแต่ละคนแยกย้าย หาจุดที่เรารู้สึกเชื่อมโยงด้วย แล้วก็อยู่ตรงนั้นคนเดียวซักพักหนึ่ง สื่อสารกับสถานที่นั้นๆ จะเป็นก้อนหินหรือต้นไม้อะไรก็แล้วแต่ มีพิธีกรรมเรียงก้อนหินอธิษฐาน ก่อนจะเชื่อมโยงกับสถานที่ จำไม่ได้แล้วว่าให้แต่ละก้อนแทนอะไรบ้าง

ฉันเลือกจุดโล่งๆ ริมน้ำ ที่เดินจงกรมได้ เดินพักนึงแล้วก็นั่งทำงาน เอาเท้าจุ่มน้ำแล้วก็เปิดโน้ดบุ๊ค พบว่าได้สมาธิดีมากๆ เสียงน้ำหายไป พอมีสติ เสียงน้ำก็กลับมา

ขอบคุณครูก้อที่ช่วยส่งวีดีโอ พี่ณัฐอธิบายเรื่องเจดีย์ก้อนหิน

ผ่านไปสองชั่วโมง เราก็รวมกันเพื่อสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนดูอินมากๆ ได้ Insights ได้ความชัดเจนในประเด็นของชีวิตตัวเอง ได้เติมพลัง

วันรุ่งขึ้นเราได้ลองโค้ช พี่ณัฐรู้สึกว่าคนอยากถูกโค้ชมีมากกว่า แต่ฮีก็ให้เราเลือกว่าใครอยากเป็นโค้ช  แล้วให้คนที่ต้องการถูกโค้ชเลือก  ฉันอยากลองโค้ช คนที่เลือกฉันเป็นคนที่มีพลังงานตรงข้ามกับฉันแทบจะสิ้นเชิง  วันก่อนหน้าก็ได้คุยกันนิดหน่อยบนโต๊ะกินข้าว ก็พอรับรู้เรื่องราวที่เป็นประเด็นของเค้า

พี่ณัฐให้มีอีกคนหนึ่งเพื่อบันทึกการโค้ช ฉันเลือกนุชเพราะรู้จักกันมานาน จริงๆ ควรให้นางอาสาเอง

โค้ชชี่ของฉันต้องการหาที่เงียบๆ ไกลคน ก็นั่งคุยกัน  โค้ชชี่ฉันอนุญาติให้แงะได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น พอถึงจุดเปราะบางของเค้า เค้าไม่ให้ไปต่อ เหมือนเราเจาะลงไปเจอตู้เซฟหรือห้องนิรภัยอ่ะ ไปต่อไม่ได้ แล้วเราเด้งขึ้นเด้งลงอย่างนี้หลายรอบมาก ฉันสงสารโค้ชชี่เพราะการไปถึงจุดเปราะบางมันใช้พลังงานมาก แล้วเค้าก็ใช้พลังงานเพิ่มด้วยการคิดพิจารณาว่าจะให้ไปต่อหรือไม่อีก

ฉันถามคำถามหนึ่งแล้วโค้ชชี่ฉันเลี่ยงไม่ตอบ ซึ่งฉันว่าอันนี้ต้องเป็นประเด็นชัวร์ แต่ฉันไม่กล้าหาญพอที่จะไปต่อ เพราะรู้"ศักยภาพ"ตัวเองว่าถ้าฉันจะไล่บี้ใคร ฉันสามารถทำได้ แล้วท่าทางเค้าดูบอบบาง  ณ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมโค้ชต้องมีความกล้าหาญ นอกจากความเมตตาและความอยากรู้

จากเดิมที่ฉันมั่นใจมากว่าอีโค้ชชิ่งนี่ กูทำได้แน่ เริ่มไม่มั่นใจละ ก็ท่องบอกกับตัวเองตามที่พี่ณัฐสอนว่า Be curious ให้กระหายใคร่รู้  ฉันว่าในหัวฉันเป็นแบบ Be curious.  Damn it!  อีกคาถาหนึ่งคือ Stay with the unknowns. อยู่กับสิ่งที่ไม่รู้ ท่องบอกตัวเองว่า Learning to stay.  Stay.  Stay.  Stay.  เรียนรู้ที่จะอยู่ตรงนี้ ไม่ไปไหน ได้ไม่ได้ก็ต้องอยู่

รูปจากครูก้อ
จนถึงจุดหนึ่ง ฉันก็ยอมแพ้ กูไม่รู้จะทวนหรือถามอะไรละ I wanted to throw the towel.  ให้นุชช่วยโค้ชต่อ ก็ไม่รอดเช่นกัน

จริงๆ ก็ไม่ถึงกับล้มเหลว ฉันได้ Keywords มาบางคำ รู้ลางๆ ว่า Deeper agenda ของเค้าคืออะไร แต่มันไม่ชัด และฉันช่วยอะไรเค้าไม่ได้

ช่วงกินข้าว เราคุยกันแบบผ่อนคลาย ได้ข้อมูลเพิ่มว่าโค้ชชี่นี่น่าจะเป็นลักษณ์อะไร (ลักษณ์ของนพลักษณ์) ก็ได้ข้อมูลเพิ่มว่าแรงขับพื้นฐานของเค้าน่าจะเป็นอะไร ถามเค้าว่าอยากจะได้รับการโค้ชต่อไหม เค้าบอกว่ามันขึ้นมาถึงอกนี่ละ อยากจะไปต่อ

เค้าไปคลี่คลายประเด็นเรื่องที่ไม่ให้ฉันแงะ ให้ไปต่อได้ พอกลับมาอีกที เค้าขอให้เราสัญญาหลายครั้งมากว่าเราจะเก็บเป็นความลับ  ฉันถึงต้องงัดศีลห้าออกมาว่าฉันไม่ผิดศีลหรอก 

ตอนแรกไม่มั่นใจว่าจะต่อที่เดิมติดหรือไม่ นุชให้นั่งในความสงบ จับมือ  จริงๆ เข้าประเด็นง่ายมากๆ ฉันบอกให้เค้าจินตนาการว่าคนที่เค้าอยากคุยด้วยอยู่ตรงหน้า โค้ชชี่อยากจะพูดอะไรกับคนๆ นี้ เท่านั้นแหละ โชะเลย! เค้าพรั่งพรูออกมา ฉันเห็นตัวเองโคตรดีใจ ทั้งดีใจกับโค้ชชี่ที่กล้าเผย และดีใจกับตัวเองว่าเอ๊ย..ได้ละ

หลังจากนั้น ฉันจับเค้าไม่ปล่อย เกาะติด ตื่นเต้นเหมือนปีนหน้าผา ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ไม่วางแผน แทบไม่คิด คำถามอันทรงพลังที่อุตส่าห์เรียนมาวันก่อนมาไม่ทัน เหมือนเป็น Intuition.  I was in the flow. เหมือนฉันหลุดเข้าไปในโลกของเค้า อ่านนิยายเล่มนี้ที่เป็นชีวิตของโค้ชชี่  สนุกมากเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไร  เข้าใจละว่าทำไมพี่ณัฐถึงชอบโค้ชชิ่ง

รูปจากครูก้อ
ฉันรู้สึกว่าโค้ชชี่ฉันใช้หัวมาก คิดมาก ฉันไม่อยากให้เค้าใช้เหตุผล อยากให้เค้ารู้สึก  ฉันจึงให้เค้าเปรียบเทียบความรู้สึกของเค้าเป็นสัตว์ เช่น ความกลัวของเธอนี่ ถ้าเป็นสัตว์ จะเป็นตัวอะไร จริงๆ แล้วเราใช้ละครนะนี่  ฉันรู้สึกว่าวิธีนี้ Work ฉันอยากให้เค้าเห็นเสียงในหัวอย่างชัดๆ เห็นตัวเป็นๆ และมันช่วยให้ฉันเข้าใจโลกของเขาว่าเขารู้สึกอย่างไร

ตอนที่เราถามว่าเค้ารู้สึกอย่างไร แล้วเค้าตอบมาเป็นคำตอบฐานหัว ฉันหยิกเค้า บอกว่าความรู้สึกคือแบบนี้นะ ถูกหยิกแล้วเจ็บ ก็รู้ว่าเจ็บ ไม่ต้องคิด ต้องหยิกสองครั้งเค้าถึงจะเข้าใจ

ตอนเรียนเรื่อง U coaching ฉันกลัวว่าจะเอาโค้ชชี่ขึ้นจากหลุมที่เพิ่งช่วยขุดไม่ได้ โชคดีว่าโค้ชชี่ได้คิดถึงทางออกไว้บ้างแล้ว และเค้าเล่าให้เราฟังก่อนหน้านี้ ก็เอาอันนี้มาใช้ ให้เค้า Commit สิ่งที่เค้าจะทำนิดหน่อย

โค้ชชี่หน้าตาดูผ่อนคลายลงมากๆ ฉันอยากให้เค้าจำโมเม้นนี้ไว้ ฉันถ่ายรูปเค้าแล้วเอาให้เค้าดู บอกเค้าให้ดูหน้านี้ไว้นะ เธอทำได้ถ้าเธอจะทำ...

ฉันเหนื่อยมากๆ ทั้งลุ้นว่าจะแงะออกไหม และฉันว่าฉันอัดพลังใส่เค้าอ่ะ If I could do this journey for you, I would, but I can't.  ทำนองนั้น

วันสุดท้าย เราก็มีทบทวน สะท้อนว่าเราได้เรียนรู้อะไรไปบ้างใน Workshop นี้ มีพิธีกรรมแลกของขวัญ คือเอาของที่แสดงความเป็นตัวเราหรือที่เราใช้มาแลกกับเพื่อน พี่ณัฐให้เราจับฉลากเพื่อความแฟร์  ฉันพบว่าคนที่ไม่เคยทำกิจกรรมนี้จะอินมาก สำหรับฉัน ของที่เราได้เป็นข้อความจากจักรวาล เป็น Divine message สำหรับเรา ฉันได้ตุ๊กตาพวงกุญแจคิตตี้ ซึ่งฉันไม่ได้ซื้อของซานริโอมาจะสิบปีแล้วมั้ง ฉันตึความว่าจักรวาลคงอยากให้ฉันผ่อนคลายกว่านี้ เป็นเด็กกว่านี้

Comments