Coaching one to hear his soul (1/4)

จริงๆ คงไม่ถ่อไปถึงเชียงรายและอยู่ 5 คืน ถ้าไม่ใช่พี่ณัฐจัด  หัวข้อเป็นเรื่องที่อยากรู้แต่ฉันก็ได้เห็น Coaching in action หลายครั้ง ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรจาก Soul Coach แอบนึกในใจว่าพี่ณัฐตั้งชื่อได้ "ณัฐ" มาก คือ Sentimental, inner-journey-ish, unable to pin down what it exactly is (aka mysterious).

วันแรกที่เช็คอิน ปรากฎว่าหลายคนที่มารู้สึก resonate กับคำว่า Soul จนไม่เห็น "Coach"  อืม...ฉันเป็นคนส่วนน้อยอีกละ  และหลายคนเป็นแฟนคลับโดยเฉพาะกลุ่มครูกล้าสอน ที่เจอพี่ณัฐไปแล้ว ๔ โมดูล ก็ยัง can't have enough of him "ไม่ว่าพี่จะจัดอะไร หนูก็จะไป"

อีกกลุ่มมาจากมะขามป้อม ซึ่งฉันเคยเจอมาบ้างแล้วที่ Workshop อื่นๆ  เห็นหน้าก็รู้ว่าสนุกแน่ เพราะเค้าเล่นใหญ่ตลอด  อีกกลุ่มใหญ่คือพยาบาลและหมอฟันจากรพ.ที่ไม่ใหญ่ มาแบบมึนๆ เกร็งๆ ว่ามาทำอะไร ทุกคนเคยผ่าน Dialogue ผู้นำสี่ทิศมาแล้ว ช่างเป็นโรงพยาบาลที่ทุ่มทุนเรื่องนี้มาก  มาเพราะผอ.จัดให้มา จริงๆ ตัวผอ.แหละน่าจะมา ลูกน้องบอกว่าผอ.ชอบเรื่องจินตปัญญา

อีกส่วนหนึ่งเป็นคนในพื้นที่ คือ พี่ณัฐชวนมา  ที่น่าสนใจมากคือพี่จิ๋ม อรทัย ทำเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ฉันถูกชะตาตั้งแต่เห็นหน้า ฉันชอบออร่าและ outfit ของนางมาก  ดูฉลาด ว่องไว คล้ายๆ จิ้งจอก

แล้วฉันมาทำไม  ส่วนหนึ่งฉันมาเพราะลุ้นอยากให้ฮีจัด public course มันเป็นประโยชน์กับมหาชน และฮีจะได้ทำในสิ่งที่ฮีอยากทำ จัด in-house training มันดีเรื่องรายได้มากๆ แต่มันก็ต้องตอบโจทย์คนจ้างด้วย

พี่ณัฐอินกับเรื่องโค้ชชิ่งมาก ถ้าคนฉลาดอย่างฮีอิน ก็น่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น

เอาเข้าจริง ตอนแรกที่มา ฉันมีความรู้สึกสองจิตสองใจกับเรื่อง Coaching ฉันมองว่ามันเป็นทักษะที่จำเป็นที่อ.จะต้องมี  จำเป็นเหมือนทักษะการสอน  ฉันมองว่ามันเป็นแค่ทักษะเหมือนขับรถ ขี่จักรยาน ไม่ได้มองว่าเป็นการเดินทางภายในของฉันหรือของคนที่ฉันโค้ช  เท่าที่เห็นในบางเคส บางทีการถูกโค้ชก็น่าเสพติด เหมือนพึ่งปัจจัยภายนอก  บางครั้งมันก็ต้องลองทะลวงผ่านไปเองไหม หรือคุยไปแล้ว เจ้าตัวเห็น Solution แล้ว ก็ต้องไปทำเอา คุยอีกก็อยู่ที่เดิมแค่เปลี่ยนสถานการณ์  สาระสำคัญของประเด็นคือเช่นเดิม  แต่อันนี้ก็ไม่มีเส้นแบ่งตายตัว ก็อาจจะเป็นอีโก้ที่ไม่ยอมขอความช่วยเหลือเล่นตลกกับเราก็ได้

สองสาวลูกพี่ณัฐและอ้อ โมโม่และมุกกี้
เล่าถึงกระบวนกรคนอื่นบ้าง

พี่ตู่ ฉันคุ้นเคยกับฮีเพราะฮีมา Facilitate ให้กลุ่มเราที่คณะ เดือนละครั้ง  ฮีเป็นส่วนผสมที่ดีกับพี่ณัฐ  ฉันชอบที่พี่ตู่ตรงไปตรงมาดี แต่ก็ยังเซ็นซ์ความรู้สึกของคนอื่นได้ดี  การบ้านที่พี่ตู่ให้ฉันงวดนี้คือ "รู้ทุกอย่างแต่ถ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ทำ"  ใช่เลย.. เข้าเป้า แสกหน้าเต็มๆ  ประเด็นนี้พระอาจารย์ก็เคยพูดมาหลายรอบ ดิฉันก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่

ภัทร นางคล้ายๆ ผีเสื้อ สวยงาม บอบบาง เห็นหน้าก็รู้ละว่าร่างกายไม่แข็งแรง แล้วก็เป็นงั้นจริง นางเล่าว่าป่วยตั้งแต่เด็กๆ ต้องอยู่คนเดียวซะเป็นส่วนใหญ่ ก็ได้ Beings ที่อยู่ในจินตนาการและหนังสือเป็นเพื่อน ฉันชอบที่นางเล่าว่าตอนเด็กๆ อ่านหนังสือพุทธศาสนาเรื่องกรรม แล้วมันบอกว่าคนที่เกิดมาร่างกายไม่แข็งแรงเป็นเพราะเคยทำกรรมไม่ดี นางก็เลยทำแต่"ความดี" ใครให้ช่วยอะไร ก็ทำหมดถึงแม้ว่าจะไม่อยากทำ แล้วจะโบยตีตนเองด้วยเสียงภายในถ้าปฎิเสธคนอื่น  ฉันก็..อืม.. ความมืดสีขาวเป็นแบบนี้เอง  ศีลธรรมบางทีมันก็กดทับ"คนดี"

อ.ตัน อาชีพเดิมเป็นวิศวกรและที่ปรึกษาบริษัทต่างชาติใหญ่ๆ รวมทั้ง UNDP  อ.มาเติมเต็มเรื่อง Somatic psychology  อ.มีลักษณะเหมือน Sage เหมือนจอมยุทธผู้ให้วิชาในหนังจีน  อ.ฝึก Tai chi และภาวนาแบบเซ็นมา เดินทางมาเยอะ  ฉันชอบทัศนคติของแก เรื่องที่ชอบที่สุดคือหมอบอกว่าแกกำลังจะตาบอดสองข้างในอีก ๖ เดือนเพราะความเสื่อมของเลนส์ตา ตอนนี้บอดไปแล้ว ๑ ข้าง แกเลยทำที่ปิดตามาอีกข้าง แล้วฝึกเคลื่อนไหวแบบคนตาบอดทุกวัน เวลาบอดสองข้างจะได้ช่วยตัวเองได้  อันนี้โคตรจอมยุทธ เป็น Consult ให้กับตัวเองได้ เมื่อปัญหาเกิด ก็แก้ไป ไม่ต้องตีโพยตีพาย
หน้าที่พัก

ภัทรและอ.ตันเป็นสองคนใหม่ที่ฉันเพิ่งเจอ ซึ่งดี เพราะจะได้มุมมองอื่นๆ ชุดคำศัพท์อื่นบ้าง  บางที Hard scientist in me ก็เอียนกับชุดคำศัพท์ประเภท โอบอุ้ม หลอมรวม ข้ามขอบ ทำงานกับเรื่อง...  แล้วแก็งแฟนคลับพี่ณัฐบางคนใช้ตลอดเวลา ขนาดกินข้าวด้วยกันก็ใช้ ซึ่งฉันก็อืม..บางทีฉันก็อยากเป็นปัจเจกบ้าง ไม่อยากหลอมรวมกับใคร

หม่อง ก็คุ้นเคยกับฉันเช่นกันเพราะมาช่วยงานที่คณะหลายครั้ง หม่องกำลังเรียน Coaching ที่อินเดีย  ฉันดีใจที่เห็นหม่องเติบโต  หม่องมาช่วยงานเราตั้งแต่ประหม่าเมื่อเจอนิสิต ๑๕ คน ตอนนี้นิสิตผู้ใหญ่ ๖๐ คน ฮีก็จัดการได้  ดีงาม

ตอนต่อไป

Comments