Spring Blooms in Zurich (4/4)

Previous entry
Picasa Photo Album

วันนี้เป็น Easter Friday ทุกอย่างปิด กระทั่ง Museums และ Tourist Office ร้านอาหารบางร้านและ Supermarkets ยังเปิด  การให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมากกว่าการทำเงินยังเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นในเมืองไทยมากเท่าใดนัก หรือเราอาจจะชอบช้อบปิ้งมากก็ได้

ฉันยังไป Winterthur ตามแผนเดิม ทั้งๆ ที่ attractions หลักของเมืองนี้คือ world-class art museums and photo museums ซึ่งปิดในวันหยุดนี้ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่อันดับหกของสวิส และส่วนที่เป็นเมืองเก่าน่าจะสวย และมันก็ไม่ได้ไกลจากซูริกมาก ก็เลยไป  โดยเช็คเอาท์ออกจาก B&B เลย ลากกระเป๋ามาฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ที่สถานีรถไฟ ราคา ๘ ฟรังก์ต่อ ๒๔ ชม.  เอากระเป๋าใส่ หยอดเหรียญ ปิดตู้ ดึงกุญแจออกมา  อะไรที่ใช้คนโดยไม่จำเป็นแทบจะไม่มีในซูริก  ถ้าเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านป้าย ไม่ชอบอ่านวิธีใช้ ก็ตายแน่ เพราะไม่มีใครให้ถามด้วย 

Reading AND enjoying the sun with the comfort of home
ที่ Winterthur เมืองเก่าของเค้าก็สวยอย่างที่คาดหวังไว้  เงียบมากในตอนสายๆ คนเริ่มออกมาตอนบ่าย  ฉันได้ยินเสียงระฆังสัญญาณเริ่ม Service ของโบสถ์  กว่าจะหาโบสถ์เจอและเดินเข้าไปร่วม ก็เกือบจะเสร็จแล้ว เค้าร้องเพลงเป็นภาษาเยอรมัน (ที่สวิส ใช้ ๓ ภาษาคือ เยอรมัน ฝรั่งเศส และอิตาลี ขึ้นอยู่กับว่าใกล้ประเทศไหน)  ก้ได้ฟังเค้าร้องเพลงแป็บนึง 

ฉันชอบระบบ Public transportation ของซูริกมาก ใช้งานง่าย ไปได้ทุกที่ และไม่แพง  สมแล้วที่ถูกเลือกให้เป็น the most livable city in the world หลายปีติดกัน  ตัวเมืองเองคนไม่เยอะ ไม่กี่แสน แต่มีคนทำงานในนี้เป็นล้านคน โดยเดินทางเข้ามาทุกวัน 

Candle lights during Easter Service
ระหว่างที่ edit บทความที่เด็กส่งมาขณะที่อยู่ที่สนามบินซูริค ขณะกำลังรอเช็คอิน ก็รู้สึกว่าจะต้องกลับไปทำงานแล้ว แล้วก็นึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่เคยบอกว่าอยากอยู่ต่างประเทศต่อ เพราะรู้สึกว่าเป็นอิสระมากกว่า ฉันก็เริ่มพอจะเข้าใจนะ เพราะกำลังคิดว่า..เออนะ...ต้องกลับไปทำงานแล้ว อยู่นี่มาเที่ยวก็ทำงานไปด้วยแหละ ตอนเช้าๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาออก แต่ก็ทำได้นิดๆ หน่อยๆ

มันเหมือนว่าบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบเราหายไปเลยน่ะตอนเราไปเที่ยว  ไม่เป็นอาจารย์ ไม่เป็นเจ้านายใคร ไม่เป็นลูกใคร ไม่เป็นพี่ของใคร  คือ ส่วนหนึ่งภาระมันก็นิยามความเป็นตัวเรา แต่อีกขณะหนึ่งมันก็เหมือนเป็นพันธนาการ...

บางทีก็ถามตัวเองนะ ว่าเที่ยวไปทำไม เพราะว่าเป็นคนความจำเสื่อม anyway ไปแล้วก็ลืมว่าไปมาแล้ว (เคยหลงกับบางที่จนคิดว่าไปมาแล้วเมื่อชาติที่แล้วเพราะคุ้นมาก จนเพื่อนเตือนว่าก็แกไปกับฉันมาไง...) ฉันว่าไปเพื่อไปมากกว่า เหมือนว่าไปดูว่าเค้าอยู่กันยังไง อะไรที่เรา assume ว่าทุกคนคิดเหมือนกัน และ take it for granted ว่าใครๆ ก็ต้องเข้าใจ บางทีก็ไม่เป็นแบบนั้น แล้วอะไรที่เราคิดว่าทำไม่ได้ จริงๆ บางอย่างก็ทำได้ในบางที่ เช่น การใช้จักรยานอย่างแพร่หลายที่ Zurich ทั้งๆ ที่รถก็เยอะนะ การแยกขยะเพื่อ recycle ที่แทบทุกคนให้ความร่วมมือ มาตรฐานความเป็นอยู่แทบจะดีที่สุดในโลก สวนสาธารณะที่ต้นไม้ต้นโตๆ ระบบขนส่งมวลชนที่ใช้ง่ายและทั่วถึง

Sunset viewed from the airplane
สิ่งที่ไม่ชอบเกี่ยวกับ Zurich ก็มีนะ (นอกจากค่าครองชีพสูงแล้ว) คือ คนสูบบุหรี่จัดมาก ทั้งหญิงและชาย แก่หนุ่ม ในสถานีรถไฟก็สูบ  ที่สนามบินมีห้องสูบบุหรี่โดยเฉพาะที่ให้บริษัทบุหรี่มาทำให้ มีห้อง Camel และ Winston ทำอย่างสวยเลย ฉันว่าเหมือนทำให้การสูบบุหรี่ยิ่งดูโก้เก๋หรือเปล่า

Comments