ฉันเรียนนพลักษณ์หลายหัวข้อแล้ว Basic, subtypes, wings & arrows and defense mechanism ไม่ได้สนใจ Clifton Strengths มากตอนแรกเพราะไม่เชื่อแบบสอบถาม แต่เพราะอ.ธนาและคณะสอน เลยไปเรียน
ไอเดียของ Clifton strengths คือเน้นจุดแข็งของเรา ไม่เน้นที่แก้จุดบกพร่อง (Positive Psychology) Gallup ที่ทำโพลล์เก็บข้อมูลจากแบบสอบถามแล้วใช้ Factor Analysis (เครื่องมือทางสถิติ) หาแนวโน้มและแพทเทิร์น ฟีลแบบ Big Data/AI
แบบสอบถาม (ไทยและอังกฤษ) นี้ใช้เวลาทำ 30-40 นาที ห้ามคิดนานเกิน 20 วิ ตอบตามสเกล 1-5 ถ้าคิดช้า จะโดนเบรค เขาไม่อยากให้ใช้หัวคิด ให้ตอบแบบคำตอบแรกที่ขึ้นมาในหัว
มี Strengths 34 ตัว แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ Executing (ทำเลย), Influencing (take charge, speak up and make sure others are heard), Relationship building (เน้นความสัมพันธ์) and strategic thinking (absorb and analyze information that informs better decisions)
แน่นอนว่าฉันเป็นสายทำเลย เหมือนดูดี แต่จริงๆ แล้วใจร้อน
ทำแบบสอบถามเสร็จก็จะได้รายงาน (มีเป็นภาษาไทยที่ฉันว่าอ่านแล้วงง เวอร์ชั่นอังกฤษอ่านเข้าใจง่ายกว่า) ที่จัดลำดับ Strengths ว่าเรามีอันไหนมากสุด มากรองลงมา... ทั้ง 34 ตัว สิบตัวแรกเป็นทักษะที่เราใช้บ่อยๆ Gallup มีรายงานเฉพาะสำหรับห้าตัวแรกของเรา ห้าตัวสุดท้ายเป็น strengths ที่เราแทบไม่ได้ใช้ อ.ธนาเปรียบเหมือนหางที่เราไม่มี อยากจะกระดิกก็ทำไม่ได้
ได้รายงานมาก็ดี แต่ยังไม่สุด จะดีถ้ามีโค้ชช่วยแงะเราต่อด้วย เวิร์คช็อปนี้ทำหน้าที่เหมือน Group Coaching โดยใช้นพลักษณ์เป็น Framework ซึ่งทำให้เห็นทั้ง Strengths and Enneagram Types ชัดเจนขึ้น หลากหลายขึ้น
ความหมายของแต่ละ strength ชัดเจนในตัวเอง ฉันแปลกใจที่ฉันได้ Harmony เพราะฉันเป็นสายฟาดๆ (ลักษณ์แปด) วิทยากรอธิบายว่ามี Harmony หลายแบบ แบบเราต้องรักกันนน ส่วนของฉันไม่เน้นรักกันตลอดเวลา เกลียดกันก็ได้ แค่ถ้าขัดแย้งกันมาก มันไม่ practical หาจุดร่วมกันแล้วไปต่อดีกว่า
สองวันแรกหนักไปทางบรรยาย Strengths มีกิจกรรมแทรกบ้าง เช่น ให้นึกถึงว่าเราทำอะไรได้ดี และทำบ่อยๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ใช้ Strengths ตัวไหน (Name it!)
Strengths เหล่านี้เป็นค่ากลางๆ จะช่วยหรือจะฉุดเราขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันดีหรือไม่ดี ฉันนึกถึงโควทที่เคยอ่านเจอ ประมาณว่า จุดอ่อนและจุดแข็งของเราคือสิ่งเดียวกัน เช่น ฉันมั่นใจในตัวเอง ถ้ามากเกินไปคือหูดับ ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น
สองวันหลังเป็น Panel sharing ตามลักษณ์ คำถามที่อ.ให้แชร์คือ Strengths เหล่านี้ช่วยเบรคการทำงานของลักษณ์อย่างไรบ้าง
อ.ให้แบ่งกลุ่มคนฟัง กลุ่มละ 3 คน มีฐานใจ, หัว, กาย กลุ่มละคน ซึ่งฉันว่าไอเดียดีมาก พอแต่ละลักษณ์แชร์เสร็จ ก็ให้กลุ่มที่ฟังถกเถึยงกัน
ตอนฉันแชร์ ฉันเปิด Customized report แล้วดูว่าประเด็นไหนช่วยเบรคความเป็นแปด แล้วก็ว่าไปตามนั้น
- Input: Instinctively, you are the ideal example of a person with an open and agile mind. ปกติ ลักษณ์แปดจะมีชุดความจริงของตัวเอง ("My truth") คือดื้อ Input strength ช่วยเบรค "My truth" เพราะว่าฉันเปลี่ยนความเห็นได้ถ้าข้อมูลมากพอ เราเชื่อแบบนี้ตอนนี้ แต่ข้อมูลเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
- Achiever: You have a strong inner drive. ฉันตั้งใจเป็นอิสระจากความเป็นลักษณ์ (อันนี้เป็น belief) ก็เดินจงกรม เพื่อฝึกสติ จะได้เห็นตัวเองชัดๆ
- Consistency: You resist the temptation to overdo things — that is, go to extremes, become obsessed, or exhaust yourself. ปกติแปดจะสุดโต่ง ไม่มีตรงกลาง ฉันพยายามทำชีวิตให้สมดุล เช่น กิน นอน ทำงาน ออกกำลังกาย แต่ก็ยังสุดโต่งในด้านพยายามไม่สุดโต่ง (รักษาสุขภาพมากกว่าคนทั่วไป)
- Connectedness: You are willing to sacrifice your independence when it helps others reach altruistic — that is, unselfish — goals. ปกติแปดจะมี agenda เป็นของตัวเอง ข้อนี้บอกว่าฉันยินดีสละความเป็นอิสระเพื่อช่วยให้คนอื่นไปถึงเป้าหมายที่ไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งจริง คือ ถ้าสิ่งที่ทำมีคุณค่าและความหมาย ฉันยินดีสละเงินหรือเวลา
- Learner: you are attracted to difficult and challenging endeavors. You dare to stretch your mind. ฉันว่ามันช่วยให้เราหลุดจากสันดานเดิมๆ
- Intellection การใคร่ครวญตัวเอง ซึ่งโคตรสำคัญ ถ้าเรียนจิตวิทยาหรือนพลักษณ์ไปมากมาย แต่สังเกตตัวเองไม่เป็น มันก็ไม่เห็นอาการของตัวเอง พอไม่เห็น ก็เปลี่ยนยากหรือเปลี่ยนช้า
สำหรับฉันแล้ว Combination of Input, Learner and Intellection ทำให้การเรียนภายนอกนำไปสู่การเรียนรู้ภายใน เก็บตัวอย่างจากตัวเอง พอเห็นการทำงานของความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมบ่อยๆ เราจะเปลี่ยนเอง
จริงๆ Activator Strength ก็ทำให้เขียนโพสต์นี้ คือ คิดแล้วทำเลย ถ้ากะจะไม่ทำ ก็จะไม่คิดต่อเพราะเชื่อว่าเปลืองพลังสมอง
อีกเซอร์ไพรส์หนึ่งคือฉันเคยเชื่อว่าใครๆ ก็ใคร่ครวญตัวเองได้ คือ เห็นตัวเองได้ ซึ่งไม่จริง มีผู้เข้าร่วมบางคนในคลาสที่ Intellection อยู่ห้าอันดับล่าง ทำให้ฉันมองนิสิตที่ฉันให้เขียน Reflection ทุกสัปดาห์เปลี่ยนไป เดิมฉันคิดว่าไม่ตั้งใจเขียน ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นทักษะที่เขาไม่ค่อยได้ฝึก ซึ่งอ.บอกว่าฝึกได้
Strengths ห้าอันดับล่างก็น่าสนใจ Individualization ของฉันตรงข้ามกับ Consistency คือ ฉันพยายามทรีททุกคนเหมือนกัน ลูกศิษย์ ลูกน้อง ฉันไม่ได้เอาใจใครเป็นพิเศษ
Ideation ฉันไม่ค่อยจับแพะชนแกะ หรือเชื่อมโยงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกัน ไม่สามารถแต่งตัวแบบ Pattern over pattern ได้
Maximizer ถ้าฉันคิดว่างานดีพอแล้ว ฉันหยุด ไม่ทำให้มันยิ่งๆ ขึ้นไป
Context ฉันจำอดีตไม่ค่อยได้ ไม่สนใจประวัติศาสตร์ ทั้งที่เคยพยายามอ่าน
Includer ฉันไม่พยายามพาทุกคนไปทุกที่ ไม่เชื่อว่าจะต้องทำอะไรร่วมกันตลอดเวลา เชื่อว่าใครอยากมาก็มาเอง และทุกคนมีวาระ (Timing) เป็นของตัวเอง
มีหลายคนในห้องทำ Strength Finder นี้สองครั้ง แล้วให้ผลต่างกัน คือ Strengths มีเลื่อนขึ้นเลื่อนลง แต่ไม่หวือหวา ยากมากที่ห้าอันดับล่างจะขึ้นมาเป็นสิบอันดับบน
ในภาพรวม การมาเข้า Workshop ทำให้ฉันเห็นตัวเองชัดขึ้น และเห็นว่าคนในแต่ละลักษณ์ก็มีหลายเฉด เราไม่ควร Stereotype เขาว่าผู้หญิงลักษณ์สองชอบสีชมพู อีกอย่างที่ได้เรียนคือ Strengths มาจากการศึกษาและการเลี้ยงดู อ.ยกตัวอย่างเช่น Strategic ถ้าคนเรียนมาน้อยมากๆ เขาก็คิด Strategy ได้ แต่เขาจะมี Strategic strength น้อย หรือว่าคนมี Empathy strength น้อย ไม่ใช่ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น มันมี combination of strengths แบบอื่นที่ทำให้เขาเห็นอกเห็นใจคนอื่นได้ ทุกๆ คุณลักษณะเกิดขึ้นได้มากกว่าหนึ่งทาง
Comments