ช่วงครึ่งปีแรกนี้ ฉันได้รับอานิสงส์จากพื้นที่แล็บของเพื่อน ที่จัดฟรี เพื่อทดลองวิธีการสอนใหม่ๆ ก็มี Free days with Ick ที่จัดสามเดือนครั้ง และ MiFa space ที่พี่หมูเป็นเจ้าภาพ ตอนนี้กลายเป็น MiFa Marathon ที่เจอกันเดือนละครั้งๆ ละสองวัน 6 เดือน กลุ่มละ 12 คน ครั้งแรกที่เจอกันคือเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา
ถามว่าช่วงนี้ชีวิตมีปัญหาอะไรไหม ถ้าภาพใหญ่ๆ ตอบได้ว่าไม่เลย ฉันนิสัยดีขึ้นเยอะ พลุ่งพล่านน้อยลง สงบสุขขึ้นมาก พึงพอใจกับชีวิตมากขึ้น เมื่อเทียบกับสมัยก่อน (แม้กระทั่ง 3-4 ปีที่แล้ว) ตอนแรกๆ ที่ไปทั้งสองงาน เพราะอยากเจอเพื่อนแล้วก็อยากเรียน ฉันชอบเรียน โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนที่ไว้ใจจัดและไม่เสียเงิน แถมทั้งสองงานก็อยู่ใกล้บ้านมาก God sends สุดๆ
สองคนนี้เรียนมากับครู Hamida แนว Sufi Enneagram คอนเซ็ปหลายอย่างเป็นสิ่งที่ฉันเคยได้ยิน และเชื่อด้วย Logic อยู่แล้ว เรื่องหลักๆ อย่าง Single-player mode ก็มีครูคนอื่น เช่น Carolyn Myss พูดถึง หลักๆ คือ เรา"เรียก" เหตุการณ์ต่างๆ ผู้คนต่างๆ เข้ามาในชีวิตเราเอง เขามาเพื่อให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง เติบโตทางจิตวิญญาณ ถ้าเทียบกับ Multi-player mode จะเห็นชัด ถ้าเราไม่ได้เรียนหรือภาวนามา โหมดปกติของเราคือ Multi-player mode อยู่แล้ว โทษคนนั้นคนนี้ โทษโชคชะตา แต่ไม่ได้สะท้อนภายในตัวเอง
เมื่อเชื่อเรื่อง Single-player mode ก็ย่อม make sense ที่เชื่อต่อว่า เราเลือกเกิดเอง กำหนด Life Mission ก่อนมาจุติ และเราเลือกเกิดกับพ่อแม่และสภาพแวดล้อมแบบที่เอื้อให้เราพัฒนาคุณภาพหรือทักษะที่จะทำ Mission นี้ให้สำเร็จ คอนเซ็พนี้ฉันก็เคยได้อ่านที่ Joseph Campbell เขียนถึงในหนังสือ The Hero with a Thousand Faces มาแล้ว
การเข้าใจด้วยหัว ด้วยลอจิก แต่ถ้าไม่เข้าถึง "ใจ" มันก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้ ชีวิตเหมือนเดิม การมีพื้นที่เรียนรู้อย่าง Free days with Ick หรือ MiFa Space จึงสำคัญมากๆ มันเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เราจะได้ Explore concepts พวกนี้แบบประสบการณ์ตรง
ครู Hamida สีบทอดสายความรู้จากครูซูฟี การใช้ Enneagram (แผนภาพวงกลมด้านล่าง) มาอธิบายการเดินทางทางจิตวิญญาณ น่าสนใจมากๆ ตอนแรกที่ฟังเล็กเชอร์ ฟังหลายรอบด้วย ก็คิดว่าเข้าใจแบบโลจิค แต่ตอนทำ"แล็บ" ตอบผิด ต้องให้พี่หมูแงะจนเข้าใจ
![]() |
แผนภาพนี้แบ่งเป็นสามชั้น ชั้นล่างสุดเป็น basal level คือความรู้สึกจริงๆ ตรงกลางเป็น Ideal level คือโลกแบบที่เราอยากให้เป็น ส่วนอันบนสุดเป็น Imperative level คือ หอบังคับการ
ครึ่งข้างขวาเป็นเรื่องอีโก้เรา ข้างซ้ายเป็นโลกข้างนอก
โจทย์คือนางให้ลองนึกถึงเรื่องที่ก่อกวนใจเราช่วงนี้ ที่เรารำคาญแบบ Multi-player mode แล้วให้เราดูแผนภาพข้างบน
ให้เราระบุว่าภาพลักษณ์ที่เราไม่ต้องการ (# 4) คืออะไร ของฉันก็เป็นความเสียใจ รู้สึกผิด แล้วก็มาระบุ Ideal image (#2) และ Inner critics (#1)
ที่น่าสนใจคือเขาบอกว่า Inner critics ทำงานกับอีโก้ ขังให้เราอยู่ใน Ideal image เช่น ของฉันก็ดูเข้มแข็ง มั่นใจว่าตัวเองถูก มีประสิทธิภาพ
ส่วนครึ่งซ้ายด้านล่าง ยากมาก เบอร์ห้า รอบแรกตอบผิด ขอบคุณพี่หมูที่ไม่ปล่อย รอให้ฉันแช่อยู่กับอารมณ์ ฉันก็ขอบคุณตัวเองที่ไม่รีบ ตอนนั้นก็คิดว่า เออ..เอาวะ..เขารอได้ เราก็รอได้ ฉันก็ลองตอบไป ก็ใช่ คือ ใจหาย กลัวว่าความสัมพันธ์จะไม่เหมือนเดิม
ความน่าอัศจรรย์ของสองพื้นที่นี้คือใช้ Sufi enneagram เพื่อให้โครงสร้างคอนเซ็บ แต่ตอนทำแล็บให้เกิดประสบการณ์ตรง ใช้ Family constellation คือ ให้คนเป็นเสาสัญญาณ รับพลังงานของคนอื่นหรือเรื่องราวอื่น ทำให้เกิดความเข้าใจแบบเข้าถึงใจ ไม่ใช่เข้าถึงหัว
ฉันได้รับเป็นตัวแทนของสามีและอาม่า ฉันรู้สึกว่าฉันเข้าใจโลกของคนสองคนนี้ แล้วความเห็นใจมันก็มา (Empathy is not my strength) ช่วงนี้รู้ได้เลยว่าเอ็มพาธี่ดีขึ้น จับสัญญาณผู้คนได้ชัดขึ้น วันก่อนโทรไปหาเพื่อนสนิทแล้วนางดูแปลกๆ ก็ทักถามไปทีหลัง นางบอกว่าใช่ มีเรื่องจริง
กลับจากเรียน น่าจะใช้พลังไปเยอะ จักรวาลส่งให้พ่อวางทุเรียนไว้ให้ และน้องสาวมีน้ำเต้าหู้และกุยช่าย ทุกอย่างชอบกินหมด
ครู Hamida บอกว่าโลกภายนอกสะท้อนโลกภายใน ฉันคิดว่าช่วงนี้ ชีวิตฉันคงอุดมสมบูรณ์ อิ่มเอมดี (มีนิสิตในคลาสเทอมนี้ ชื่อนี้เลย)
Comments