มาปักกิ่งเองครั้งแรก

หกวัน ห้าคืน ไปเที่ยวเองกับเพื่อนอีกคน ช่วงพค. 2567  ฉันชอบมากกว่าที่คาดไว้มากๆ  จีนพัฒนาไปไวมากๆ  ฉันสนใจโบราณสถาน เดินดูบรรยากาศ ไม่เน้นซื้อของ ฉันทำการบ้านจากการอ่านในกลุ่มเฟสบุ๊ค ค้นอินเตอร์เน็ตมาหลายเดือน คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะรวบรวมไว้ที่เดียว

หลายๆ ที่ๆ ไป นทท. ต่างชาติน้อย ส่วนใหญ่มาเป็นกลุ่มทัวร์ นทท.จีนเยอะกว่ามากๆ  คนจีนพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย แต่เขาก็ดูเฟรนด์ลี่ที่จะรอเราใช้แอพแปล 

แอพที่ควรมี

  • Alipay หรือ WeChat Pay สำหรับสแกนจ่ายเงิน ผูกกับบัตร YouTrip หรือ Travel Card อื่นได้ อัตราแลกเปลี่ยนของยูทริปดีกว่าเงินสด แทบทุกที่รับ Alipay และต้องใช้ตอนจ่ายเงินที่ร้านอาหาร วิธีการใช้ต่างจากที่ไทย ที่จีนส่วนใหญ่เราเปิดบาร์โค้ดของเราให้เขา คือ เขาจะมีตัวเลขที่จะชาร์จอยู่แล้ว พอแสกนได้ ยอดเงินที่ตัดจะขึ้นที่เรา วิธีนี้ก็ดีตรงที่ไม่ต้องพิมพ์ตัวเลขเอง และไม่ต้องแสดงหน้าจอเราให้เขา
  • Baidu Map ไม่รองรับภาษาอังกฤษ ต้องก็อบชื่อสถานที่เป็นภาษาจีนแล้วใส่เข้าไป ใช้ไปซักพักก็จะใช้คล่อง
  • Apple Map ใช้คู่กับ Baidu Map
  • MetroMan สำหรับดูวิธีการเดินทางจากสถานีรถไฟจากอันหนึ่งไปยังอีกอันหนึ่ง รองรับ Eng
  • WeChat เป็นโปรแกรมแชทเหมือนไลน์ ใช้สแกนจ่ายได้ และมี Mini Program สำหรับจองตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ มีออปชั่น Translate
  • Google Translate หรือ Papago สำหรับแปล คนจีนพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ แม้จะเป็นเมืองใหญ่
  • กูเกิลแมพใช้ดีสำหรับเดิน แต่ไม่มีข้อมูลรถสาธารณะ 

    การเตรียมตัว

    ที่ๆ นิยมมากๆ ต้องจองก่อนเข้า เช่น พระราชวังต้องห้าม (Palace Museum) และ National Museum of China เขาเปิดให้จองล่วงหน้า 7 วัน  จะจองเองก็ได้ แต่ฉันใช้ eTripChina ให้เขาจัดการจองให้ ไม่การันตีว่าจะได้ แต่ฉันก็ได้ในวันและเวลาที่ต้องการ จองผ่าน Klook ก็ได้แต่มันพ่วงมากับทัวร์ซึ่งแพงกว่าแค่ตั๋วเฉยๆ

    ที่อื่นๆ เช่น Lama Temple, Summer Palace ไปซื้อตั๋วเอาหน้างานได้

    ฉันทำประกันเดินทางทุกครั้งที่เที่ยว เสียเงินไม่มาก แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา จะเปลืองมาก

    ต้องเตรียมร่างกายด้วย เดินเยอะมาก เกิน 20,000 ก้าวต่อวัน ขึ้นลงบันไดเยอะ

    โทรศัพท์ ฉันเปิดโรมมิ่งไป เพื่อนใช้ Ready2Fly ที่จีนมี Firewall ใช้แอพไลน์ กูเกิล ยูทูป ที่ปกติเราใช้ไม่ได้เลย

    ฉันฟังยูทูปเกี่ยวกับประวัติที่ต่างๆ ที่จะไปก่อนไป น้องวิวจากช่อง Point of View อธิบายได้สนุก และก็มีสารคดีของฝรั่ง

    ที่พักที่ปักกิ่ง

    ฉันพักย่านหวังฟู่จิ่ง (Wangfujing) ใจกลางเมือง สะดวก ฉันพักที่ Novotel Peace Beijing ราคาโอเค โลเกชั่นดีมาก อยู่ใจกลางเมือง ใกล้ห้าง ห้องสะอาด เงียบ อาหารเช้าดีมาก 

    การเดินทางภายในปักกิ่ง 

    ฉันซื้อบัตรอี้กาทง (Yikatong Card)  คล้ายบัตรแรบบิท แตะจ่ายตอนขึ้นรถไฟ รถเมล์ ซื้อได้ที่สถานีซับเวย์ ซับเวย์ที่ปักกิ่งมีเกือบยี่สิบสาย สะดวกมากๆ ถูกด้วย แค่ 15 บาทในเมือง ไปไกลก็ 25 บาท คืนบัตรที่สถานี Beijing Airport Express ได้ แล้วได้ค่ามัดจำ 20 หยวนคืน เติมเงินได้ที่สถานีกับคนหรือกับเครื่อง

    ในเมือง รถติด และรถเมล์แน่น ใช้รถไฟใต้ดินเร็วกว่า 

    มีจักรยานให้เช่าทุกที่ และมีเลนจักรยาน เช่าแล้วสแกนจ่ายเงิน 

    วันแรก (เสาร์) 

    ฉันชอบบินการบินไทย TG เวลาบินดี สะสมไมล์ได้ โหลดกระเป๋าได้ มีอาหารกิน 

    ออกจากสนามบิน (Beijing Capital) เข้าที่พัก ฉันใช้รถไฟ Capital Airport Express เข้าเมือง แล้วต่อด้วยซับเวย์ กว่าจะถึงที่พักก็เกือบเย็น เราออกมาเดินเล่นที่ถนนคนเดินหวังฟู่จิ่ง กินข้าวที่ร้านที่อยู่ในชั้นใต้ดินในห้าง บางห้างร้านอาหารอยู่ชั้นบนๆ สุด

    ที่จีน ร้านอาหารให้เราสั่งเองจากเมนูที่เป็น QR code แปะติดบนโต๊ะ แล้วจ่ายเองผ่านแอพ แต่เราขี้เกียจแปลจีน ใช้ดูรูปในเมนูกระดาษหรือที่แปะในร้าน แล้วชี้ให้พนักงานสั่งให้ แต่ก็ต้องสแกนจ่ายอยู่ดี ฉันคิดว่าระบบนี้ฉลาด ลดคนทำงาน ลดเวลาและข้อผิดพลาด

    วันที่สอง (อาทิตย์)

    ไปวัดลามะ (Lama Temple) ที่เป็นวัดผสมแบบจีนและทิเบต เดินผ่านถนนคนเดินแบบ Hutong ซึ่งเป็นตรอกเล็กๆ ที่เป็นบ้านห้องๆ แต่เดี๋ยวนี้หลายที่ทำร้านน่ารักๆ เดินต่อไป Bell and Drum Tower สวยมาก แล้วก็ไปถนนคนเดินอีกที่ คือหนานหลัวกูเซียง (NanLuoGuXiang 南锣鼓巷) และ เหยียนไต้เสียเจีย (烟袋斜街 Yāndài xié jiē)

    ถนนคนเดินมีของกิน ของที่ระลึก ร้านหวีที่ขายแต่หวีสวยๆ ร้านครีมทามือที่ขายแต่ครีมทามือ ร้านพัด

    แถวหูตงมีห้องน้ำสาธารณะเยอะมาก สะอาดพอใช้ สำหรับคนที่อยู่บ้านในหูตงที่ไม่มีห้องส้วมในบ้าน ที่จีนมีส้วมยองเยอะกว่าแบบชักโครก 

    เดินต่อไป  Prince Gong's Mansion (恭王府) เป็นบ้านเก่าของขุนนาง ต่อมาเป็นวังเจ้าชาย เป็นบ้านเก่าที่ได้รับการบูรณะ สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยว 5A (ที่ท่องเที่ยวจีนมีเกรด 5A และ 4A ซึ่งจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ) มีสวนที่จำลองธรรมชาติมา มีบ่อและภูเขาน้อยๆ 

    ใกล้ๆ มีทะเลสาบเป่ยไห่ และ Beihai Park มีร้านค้ารอบๆ 

    วันที่สาม (จันทร์)

    วังต้องห้ามและพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ปิด  เราจึงไปกำแพงเมืองจีน ด่านมู่เทียนหยู (Mutianyu) ห่างจากเมืองปักกิ่ง 80 km เลือกด่านนี้เพราะเขาบอกว่ามันสมบูรณ์ที่สุดและธรรมชาติสวย  

    ถ้าไปเอง ต้องเปลี่ยนรถ 3-4 ต่อ เราจึงซื้อทัวร์ 1 วันกับ Klook เป็นของ Mubus อีกที เจอกันที่จุดนัดพบในเมือง แล้วนั่งรถบัสไป ค่าทัวร์รวมรถบัส ค่าขึ้นกำแพงและค่าอาหารเที่ยง ต้องจ่ายเพิ่มสำหรับของเสริมเช่น ค่าเคเบิล (ฝั่งตะวันตก) หรือ Cable way แล้วลงมาด้วยสไลเดอร์ (Taboggan) ที่ฝั่งตะวันออก

    เรานึกว่าสองฝั่งนี้ไม่เชื่อมกัน ก็เลยซื้อทั้งสองออปชั่น ฝั่งละ 140 หยวน เราขึ้นไปด้วย Cable way ที่นั่งคล้าย Ski lift คือเป็นเก้าอี้เปิด แล้วก็เดินบนกำแพงไปลงด้วย Cable cars ซื้อวันเวย์ไม่ได้ 

    ฉันประหลาดใจมากที่กำแพงอยู่บนสันเขา นึกว่าเป็นกำแพงที่อยู่บนพื้นราบ จุดเด่นของด่านนี้คือมีรั้วทั้งสองฝั่ง 

    กำแพงนี้อลังการมาก คดเคี้ยวไปตามสันเขา มีป้อมสังเกตการณ์เป็นระยะ ถึงจะขึ้นเคเบิลคาร์ ก็ต้องเดินไต่บันไดบนกำแพง

    ทัวร์มูบัสอธิบายข้อมูลต่างๆ แล้วให้เดินเอง ลงมาก่อนรถเที่ยวสุดท้ายคือ 17.20 น.  แดดร้อนแต่มีลมและร่มเงาให้หลบ มีขายน้ำ ไอศกรีม เป็นระยะๆ 

    วันที่สี่ (อังคาร)

    พระราชวังต้องห้าม (Gugong  故宫 ซึ่งแปลว่าวังเก่า) เป็นวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสิ่งก่อสร้างไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเทคนิคการเข้าไม้ให้มันล็อกอยู่ได้ ชื่อทางการคือ Palace Museum เพราะใช้เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุตอนนี้  ทางเข้าอยู่ที่ประตูทิศใต้ ไม่ต้องมีตั๋ว สแกนพาสปอร์ตเข้า และสแกนกระเป๋า ที่ปักกิ่ง Security เข้มมาก ตำรวจเฝ้าให้สแกนกระเป๋าทุกครั้งที่เข้าสถานีซับเวย์ บนรถเมล์มีตำรวจ 1 คนทุกคัน

    ส่วนแรกของกู้กงเป็นส่วนราชการ ซึ่งทุกอย่างสเกลใหญ่มาก และยกอยู่บนที่สูง ใหญ่จนไม่รู้จะถ่ายรูปอย่างไร โทนสีเป็นสีทองและแดงเข้ม ส่วนที่สองเป็นที่พัก สเกลเล็กลง อบอุ่นขึ้น โทนสีคือเหลืองเขียว เราได้ไปดูตำหนักของซูสีไทเฮา (Queen Dowager Cixi)

    ฮ่องเต้เป็นลูกชายของสวรรค์ (Son of heaven) มีทุกอย่างเฉพาะ ทางเดินพิเศษปูลาดด้วยหินแผ่นใหญ่ ประตูเฉพาะ สัญลักษณ์คือมังกรห้านิ้ว สีเหลือง และเลข 9

    กู้กงมีส่วนที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ไปซื้อเอาที่หน้างานได้ เราไป Treasure Gallery ที่มีตำหนักของฮ่องเต้ต่างๆ มีโรงงิ้ว สวน กู้กงใหญ่มาก มีส่วนที่บูรณะเสร็จแล้ว และยังไม่ได้ทำ ประเทศที่มีอารยธรรมยาวนาน โบราณสถานเยอะ ก็มีภาระการเก็บรักษาและบูรณะ

    ออกจากวังก็ไปเดินดูย่านใหม่ๆ ฮิปๆ Taikoo Li Sanlitun (三里屯太古里) เป็นห้างเปิด หลายๆ ตึก ร้านหรู

    วันที่ห้า (พุธ)

    ที่พลาดไม่ได้คือหอสักการะฟ้าเทียนถัน (The Temple of Heaven, 天坛)  จีนโบราณเป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นอารยธรรมแรกๆ ที่ปลูกข้าวเป็นแปลงๆ ปริมาณมากๆ ได้ ทำให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและความมั่งคั่ง ฮ่องเต้มีหน้าที่มาบูชาฟ้าเพื่อให้ฝนตกตามฤดูกาล จีนเชื่อว่าสวรรค์แทนด้วยวงกลม และโลกแทนด้วยสี่เหลี่ยม หอสักการะฟ้าจึงเป็นหอกลมๆ 

    หอเทียนถันอยู่ในสวน วางแผนเมืองดีมาก ไม่มีตึกสูง ถ่ายรูปมาฉากหลังของหอคือฟ้าอย่างเดียว มองหอเทียนถันไกลๆ เหมือนยานอวกาศของเอเลี่ยน

    ไปต่อที่ถนนคนเดินเชียนเหมิน Qianmen Street (前门大街) ซึ่งจริงๆ อยู่ใกล้กู้กงมากๆ ควรไปเมื่อวันก่อนแต่พลาด มีติกแถวเก่าๆ สวยๆ เยอะมาก เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดของกินเก่า Dashanlan Snack Street (大栅栏街) ข้าวสวยที่จีนรสชาติดี กินที่ไหนก็รสชาติเดียวกัน 

    ปิดวันที่พระราชวังฤดูร้อน (อี้เหอหยวน 颐和园) อยู่นอกเมือง ติดทะเลสาบและภูเขา ลมดีมาก มีสวน ผ่อนคลาย ต้องซื้อตั๋วเข้าประตูหลัก มีส่วนย่อยๆ ที่ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม ฉันชอบความสร้างสรรค์และความใส่ใจในรายละเอียด เช่น กระจกใสรูปทรงต่างกัน เพ้นท์ภาพต้นไม้ทับ รั้วตำหนักโค้งไปตามเนินเขา

    วันที่หก (พฤหัส) 

    มีเวลาเหลือแค่ครึ่งวันเช้า ไปที่ National Museum of China เข้าฟรีแต่ต้องจองก่อน เข้าตามเวลาแต่ออกเมื่อไหร่ก็ได้ เวลาน้อย ฉันค้นกูเกิลว่าไอเทมเด็ดคืออะไร หน้างานจริงก็ดูจากปริมาณคนที่รุมตู้อยู่ก็จะรู้ว่าอันไหนสำคัญ มิวเซียมมีหลายชั้น แต่ชั้นที่สำคัญสุดคือชั้นใต้ดิน ห้องชื่อ Ancient China ของมาจากทั่วประเทศ ดูแล้วรู้สึกทึ่งว่าคนโบราณทำงานละเมียดได้ทั้งที่ไม่มีเครื่องจักรและไฟฟ้า

    เชื่อว่าหยกทำให้ศพไม่เน่า
    ส่วนลวดเป็นทอง
    มีป้ายอธิบายเป็นภาษาอังกฤษบางที่ อ้างอิงถึงวิสัยทัศน์ของสี่จิ้นผิงเกี่ยวกับการอนุรักษ์ บนซับเวย์มีคลิปเกี่ยวกับภารกิจของรัฐบาลในด้านต่างๆ 

    มิวเซียมอยู่ติดจตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นจตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องซื้อตั๋วเข้า เราเดินจากมิวเซียมไปลงซับเวย์ ก็ได้ผ่านโลเกชั่นสำคัญที่มีประตูเข้าเมืองสีแดงที่มีรูปประธานเหมา โดยไม่ต้องซื้อตั๋ว

    เรากลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม เดินทางไปสนามบิน เผื่อเวลาไว้ 4 ชม สำหรับเดินทาง ดร็อปกระเป๋า ผ่านตม. ขึ้นรถไฟในสนามบินไปเกท  

    บทส่งท้าย

    ตอนนี้คนไทยไม่ต้องทำวีซ่าแล้ว น่าจะมีคนมาเที่ยวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ฉันว่าจีนน่าสนใจมาก เป็นประเทศใหญ่มาก มีที่เที่ยวเยอะ ทั้งธรรมชาติและมนุษย์สร้าง ประวัติศาสตร์ยาวนาน ค่าใช้จ่ายก็ใกล้เคียงกับไทย อาหารก็ดี แต่ความยากเรื่องภาษาและแอพที่ไม่คุ้นเคยทำให้คนไทยยังมาเองไม่เยอะเหมือนไปเกาหลี ญี่ปุ่น ฉันว่ามากับทัวร์ก็ดี แต่บางทีรีบไป และไม่เป็นอิสระ มาเองมันได้ผจญภัย อิสระมากกว่า และได้เรียนรู้ชีวิตเขา คุณภาพห้องน้ำในเมืองใหญ่ดีขึ้นเรื่อยๆ 

    จุดอื่นๆ ที่ฉันสนใจและยังไม่ได้ไป คือ Red Brick Arts Museum (红砖当代美术馆) และ 798 Art District (798艺术区)  เมืองนี้มี Universal Studios และ Popland ปักกิ่งเป็นบ้านเกิดของ Popmarts









    Comments