The Experiential Enneagram Retreat A & Shadows Workshop

Credit: https://journalpsyche.org/
jung-and-his-individuation-process/
ต่อเนื่องจากโพสต์ก่อนหน้า

จบจาก The Experiential Enneagram Retreat A และฉันไปร่วมเรียน Shadow 1 วัน กับ Uranio Peas and Beatrice Chestnut ก็ยังรู้สึกขอบคุณครูและเพื่อนมากๆ อยู่ ฉันรู้สึกได้รับพลังชีวิตและเห็นทางว่าจะเดินต่ออย่างไร

ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่พิเศษ ที่ฉันงานน้อย to-do list สั้น แต่ไม่รู้สึกเบื่อ ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันรู้สึกไร้ค่าเวลาที่ไม่ยุ่ง ตอนนี้ฉันมีเป้าหมายว่าจะใช้ชีวิตให้ช้าลงและขี้เกียจให้มาก

ฉันกลับมาอ่านหนังสือ The Complete Enneagram: 27 paths to greater self knowledge ที่ Beatrice เขียนแล้วพี่หมูให้คนแปลของลักษณ์แปด อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้น ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะฉันยอมรับได้ในความเป็นฉันมากขึ้น เมสเสจเลยเข้าหัว แต่อ่านแล้วก็ยังเจ็บในบางประโยค

ฉันคิดว่าจำเป็นต้องรู้ subtype แล้วจะทำให้นพลักษณ์เป็นประโยชน์มากขึ้น ฉันเคยสงสัยในพฤติกรรมตัวเองหลายอย่าง เช่น เขาบอกแปดพลังเยอะ บ้าบิ่น คิดว่าตัวเองแข็งแรงแล้วใช้ร่างกายเละเทะ ไม่สนใจสุขภาพ แต่ฉันไม่ชอบทำอะไรที่เสี่ยงกับความปลอดภัย เป็นคนรักสุขภาพมากๆ และวางแผนล่วงหน้า เหตุมาจากความเป็นผดุงตนของฉัน คือ ฉันโฟกัสที่ตัวเอง แล้วมันก็อธิบายได้ว่าทำไมฉันถึง"เห็นแก่ตัว"ได้โดยไม่รู้สึกผิด เป็น introvert มากกว่าแปดซับไทป์อื่นๆ 

หนังสือยังพูดถึงความเป็นแปด ที่ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ก่อนวัย เพราะถูกละเลย ไม่ได้รับการดูแลในวัยเด็ก เหมือนต้องรีบเป็นผู้ใหญ่ จึงปฏิเสธความเปราะบางและอ่อนแอของตัวเอง เพราะฉันเชื่อว่าถ้ารับว่าตัวเองอ่อนแอ จะไม่แกร่ง

ฉันไม่เคยคิดเรื่องประเด็นที่ถูกละเลยในวัยเด็กมาก่อน เคยคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีพ่อแม่ที่ฉลาด ไม่ทำตัวเป็นปัญหา แต่ตอนนี้ฉันกลับไปมองใหม่ ฉันนึกถึงช่วงเด็กที่แม่เอาฉัน (ลูกคนแรก) ไปไว้บ้านยายและญาติฝั่งแม่ แล้วพอประถมหนึ่งพ่อก็เอากลับมากลับมาอยู่บ้านตัวเอง แม่ก็พูดฝังหัวว่า "เป็นพี่คนโตต้องดูแลน้อง" ฉันมีน้อง 3 คน ตอนฉันเด็กๆ พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ และเขาสองคนบ้างานมากๆ การหาเงินเป็น life mission เขา

ฉันแทบจำเรื่องวัยเด็กไม่ได้ คิดว่าคงมีบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อยากจำ สมองก็เลือกไม่จำ

ฉันรู้สึกเฉยๆ กับอดีต เคยคิดว่ามันเป็นความท้าทาย ทำให้เราเป็นเรา แต่รู้สึกดีใจที่สามารถอธิบายพฤติกรรมตัวเองได้

ตอนนี้ ฉันรู้สึกเป็นปกติมากขึ้นที่จะยอมรับว่าฉันคงเป็นเหยื่อจริงตอนเด็กๆ หมายถึงพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ ละเลยการดูแลฉัน และฉันต้องรีบเป็นผู้ใหญ่เพื่อดูแลตัวเอง 

อันนี้เป็นบทภาวนาที่อูรานิโอให้ฉันพูดแล้วตอนนั้นฉันรู้สึกต่อต้านอย่างมากๆ ขนาดพูดตามแทบไม่ได้ ขอบคุณพี่เอกที่ช่วยจด

ฉันเป็นเหยื่อของแม่ของฉัน
ฉันเป็นเหยื่อของระบบ
ฉันถูกทำให้เป็นทาส
ทาสไม่สามารถปลดปล่อยความเป็นทาสได้ (SLAVE cannot release themselves from being  a Slave.)
มันยากที่ทำให้ตัวเองเป็นอิสระได้
แล้วฉันก็จะสร้างแพทเทิร์นเดิมของบรรพบุรุษต่อไป
โดยเฉพาะจากฝั่งพ่อ จากความยากจนของเขาที่เมืองจีน 
นี่คือการแก้แค้น!  
ในการเป็นทาสแบบเดียวกับที่เขาเคยเป็นมาก่อน 
แล้วมันก็ไม่จริงเลยที่ฉันไม่มีอิสระ
....
ฉันเหนื่อยมาก (I am very tired)
เหนื่อยจน เหมือนจะเบิร์นเอาท์
แต่ฉันหยุดไม่ได้ที่ทำมัน จะรู้สึกมัน
...
ในทางหนึ่ง ฉันกำลังจะฆ่าตัวเองด้วยทั้งหมดนี้
และนี่ก็คือการ xxxx ของสิ่งอื่น ของการรู้สึกว่าฉันไม่สำคัญเลยสำหรับพ่อและแม่
ลึกๆ แล้ว ฉันไม่รู้เลยว่า ฉันคู่ควรกับการมีชีวิตอยู่ไหม
ตอนนั้น พอเขาให้พูดเสร็จ ก็ให้มองไปรอบๆ แล้วถามว่ามีใครอยากจะพูดอะไรกับฉันไหม มีคนเข้ามากอดร้องไห้ และคนอื่นบอกฉันว่า “หญิงสวยงามมากอยู่แล้ว” “ชีวิตคือความงาม” อูรานิโอสะท้อนว่า เวลาที่ทุกคนมาพูดสิ่งนั้นกับคุณ คุณดูจะรู้สึกไม่สบาย ดูคุณรู้สึกยากที่จะวางใจ ซึ่งจริง 

อูรานิโอบอกว่า

ขอให้อ่อนโยนกับตัวเอง Be gentle to yourself - อ่อนโยนต่อความเจ็บปวดต่อตัวเอง
คุณถูกทำให้เป็นทาสที่ไม่สามารถเชื่อในอิสรภาพได้ และมันโอเคที่คุณยังรู้สึกว่าคุณยังไม่คู่ควร
เข้าใจได้ว่าคุณยังไม่วางใจในสิ่งต่างๆ ยังรับความเจ็บปวดไม่ได้

ส่วนบีบอกว่า ให้รู้สึกถึงเด็กหญิงตัวน้อย (a little girl) ที่ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย ไม่ได้รับการสนับสนุน หรือได้รับความอ่อนโยน อยากให้เปิดไปสู่ความเห็นอกเห็นใจเด็กคนนี้ นั่นจะเป็นประตูเปิดให้คุณเห็นความรู้สึกนั้น ที่จะช่วยให้คุณเป็นอิสระมากขึ้น

ประเด็นที่อูรานิโอชี้ให้เห็นคือเรื่องความไว้ใจ (Trust) เขาบอกว่า ตัวตนข้างในฉัน Cynical (เชื่อว่าคนทั่วไปเห็นแก่ตัวและไม่น่าไว้วางใจ สำหรับฉันมันเหมือนเหยียดหยันโลก) เพราะฉันถูกทำให้ผิดหวังจากในวัยเด็ก (ฉันเดาว่าเป็นแม่) และหลังจากนั้น ฉันก็ไม่ไว้ใจมนุษย์อีกเลย

ประเด็นเรื่อง Cynical นี้ ไม่เคยสังเกตตัวเองมาก่อน แต่พอดูๆ แล้วก็มีตลอดเวลา เช่น เวลาเสพสื่อ เกิดขึ้นบ่อยพอๆ กับการคิดเอาคืน

เมื่อฉัน Cynical กับคนอื่น ก็ cynical กับตัวเองด้วย ไม่ค่อยชื่นชมความดีงามของตัวเอง

ตอนเขาพูด ฉันนึกไม่ออกว่าเป็นใครที่เคยทำให้ผิดหวัง แต่พอไปเรื่อยๆ ก็นึกออก แม่แทบไม่เคยรักษาสัญญาหรือรักษาเวลาที่ให้กับฉันเลย เท่าที่จำได้ มันทำให้ฉันไม่ชอบคนที่ไม่ทำตามสัญญา และฉันเองก็มักทำในสิ่งที่พูดว่าจะทำ (ลึกๆ นี่อาจจะเป็นการล้างแค้นแม่ก็ได้ ฉันจะไม่เป็นในสิ่งที่เขาเป็นและทำให้ฉันเจ็บปวด)

อูรานิโอเสนอให้ฉันย้อนกลับไปดูเรื่องราวในวัยเด็ก ซึ่งก่อนเขาบอก ฉันก็คิดว่าฉันควรทำ ฉันเริ่มบันทึกความฝันตอนตื่นทุกวัน และฉันสังเกตว่าการสนใจความฝันทำให้ฉันจำอะไรๆ ได้มากขึ้น

ขอบคุณอูรานิโอที่บอกว่า ฉันใกล้ถึงเวลาของ Individuation หรือ Self realization ที่ Carl Jung พูดถึงแล้ว ฉันได้กำลังใจสุดๆ ว่ามาถูกทาง

อันนี้เป็นสิ่งที่พี่เอกจดให้ระหว่างที่อูรานิโอและบีคุยหลังจากฟังเรื่องราวฉัน

Ego

Innocence

ตั้งแต่เด็ก แม่ก็มอบงานของแม่ในการดูแลน้องแทน มันยากมากสำหรับคุณ

แม้ว่าอัตตา Ego คุณจะชอบเพราะว่ามันทำให้คุณสำคัญ

ภาระมากเกินไป ฉันปรารถนาอยากพัก

พ่อไม่เห็นเราเลย - เรียกร้องเรา - โมโหเรา เราต้องพยายามเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับพ่อ

ตอนได้มาเรียน Ph.D. เป็นช่วงที่เรามีอิสระ ได้ใช้ชีวิตของเรา เราหยุดดูแลน้อง ๆ ได้

หญิงไม่เห็นเลยว่ามันเยอะ คิดว่า เราจัดการมันได้

ระดับผิว คือ แม่อ่อนแอ หญิงดูแลได้ แทนที่จะสัมผัสถึงอารมณ์ sensitive เข้าในร่างกายทันที

ช่วงนี้หญิงมีปฏิกิริยา (อยากลุกมาต่อต้าน Denied)

หญิง sensitive มากในการดูแลน้อง


Comments