My so-called life in 2021

รูปซ้าย 2018 รูปขวา 2021

เป็นรีวิวที่เร็วกว่าทุกปี เพราะว่าอยากจะเขียนถึงตัวเองนานแล้วแต่ไม่ได้นั่งเขียนซักที แต่ได้เขียน grateful moments ทุกวัน ฉันลองเขียนโดยใช้สี่มิติของ Design your life

Health and Play

เป็นเรื่องเดียวกัน ในที่สุดฉันก็ไม่ทำสงครามกับร่างกายตัวเอง เลิกชั่งน้ำหนักทุกเช้า แต่ออกกำลังกายทุกวันเพราะชอบ ไม่ใช่ออกกำลังกายเพื่อลงโทษตัวเองกับอาหารที่กินเข้าไป ชอบร่างกายและสิ่งที่มันสามารถทำได้ในตอนนี้มาก ฉันทำ intermittent fasting ส่วนใหญ่กิน 8 ชม. อด 16 ชม. ต่อวัน เพราะว่ามันช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น (มีงานวิจัยรองรับ) และเป็นการจำกัดปริมาณอาหารที่กินไปในตัว 

ช่วงนี้ก็ออกกำลังกายหลายแบบ ทั้งเทรนเวท ฝึกพิลาทิส ฝึกโยคะ Barre class ทำหลากหลายทำให้สนุก เป็นสิ่งที่ฉันอยากทำทุกวัน มันทำให้เกิดความสุขที่ dopamine หลั่งและมันทำให้ฉันสดชื่นด้วย โควิดทำให้ WFH และสตูดิโอออกกำลังกายก็อยู่หน้าปากซอยบ้านพอดี

ฉันคิดว่าความอ้วนคืออาการอักเสบของร่างกาย กินมากกว่าพลังงานที่ใช้ก็เรื่องหนึ่ง แต่มันซับซ้อนกว่าแค่พลังงาน ชนิดของอาหาร เวลาที่กิน ความเครียด การนอน ก็มีผลมาก ร่างกายเรามันองค์รวมมากๆ

รูปซ้ายตอนม.ปลาย รูปขวาน่าจะปี 2020

ฉันนอนเป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา ทนหิวได้ แต่ก่อนจะทนไม่ได้เลย ถ้าหิวแล้วต้องกิน ตอนนี้พบว่ามันก็เป็นความรู้สึกหนึ่ง ถ้าเลือกได้ ฉันกินอาหารที่แปรรูปน้อยๆ ที่ยังดูรู้ว่ามาจากอะไร ฉันพยายามไม่กินนมวัว ถ้ากินก็กินโยเกิร์ต ลดแป้งสาลี วันธรรมดาที่อยู่กรุงเทพ กินน้ำผักผลไม้ปั่นของ Pukpun ทุกวัน (วันธรรมดา)

เมื่อรู้วิธีดูแลตัวเองแล้วอยากให้คนอื่นได้ทำบ้าง มันเหมือนจะยาก แต่ไม่ได้ยากขนาดนั้น ก็ค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่ไป มันคือสุขภาวะ ไม่ใช่แค่ความงามภายนอก

ปีโควิดเป็นปีที่ฉันเดินทางเยอะมาก ส่วนหนึ่งเพราะเบื่อกรุงเทพ มันเครียดไป ส่วนหนึ่งเพราะโรงแรมถูกมาก และคนเดินทางน้อย ชอบเวลาเงียบๆ ชอบเดินทางคนเดียวในบางครั้งเพราะตามใจตัวเองได้มาก แต่เดินทางกับคนอื่นก็ปลอดภัยดี มีเพื่อนช่วยคิด ถ่ายรูป

Love or relationship

  • ไป enneagram workshop ของอ.ธนาแล้วพบว่าเข้าใจผิดมาตลอดหลายปีว่าเป็นลักษณ์สาม จริงๆ แล้วฉันเป็นลักษณ์แปด การได้เจอลักษณ์จริงๆ ของตัวเองทำให้ชัดเจนขึ้นในสิ่งที่ควรปรับปรุง เช่น ความมั่นใจมากๆ ความตัดสิน ความใจร้อน ความ Practical ของฉันทำให้ฉันไม่ดราม่าและตรงเข้าเป้า การรู้ลักษณ์ยังทำให้เราชัดเจนในพลังของตัวเอง รู้ว่าฉันมีพลังเยอะ
  • ฉันชอบนพลักษณ์มากและมูเพื่อนสนิทก็ชอบมาก มันทำให้ฉันเข้าใจผู้คน และเราเข้าใจโลกภายในของเขา พอเราเจอคนมากๆ แล้วเราดูคนไม่ค่อยพลาด มันเป็นเรื่องของพลังงานของคน ไม่ใช่แค่คำพูด ท่าทาง หรือการกระทำ แต่บางที คนก็มองว่าเรามักจะตัดสิน อันนี้ก็ต้องระวังในการใช้งาน 
  • ฉันว่าการได้เขียน grateful moments เป็น IG/Facebook story ทุกวันช่วยให้ฉันมีความสุขขึ้น เริ่มเพราะทำเป็นกิจกรรมขนานไปกับเด็ก ปรากฏว่าเราทำจริงจัง ต่อเนื่อง ทำมาเกิน 1 ปีแล้ว มีแฟนคลับอ่านทุกวัน และเป็นวิธีการที่ฉันได้นำเสนอมุมมองของฉันด้วย
  • ยิ่งแก่ พบว่ายิ่งเป็นเพื่อนที่ดีกับตัวเอง แต่ก่อนไม่ชอบส่งกระจกหรือถูกถ่ายรูป ตอนนี้พอรูปลักษณ์ภายนอกเราดีขึ้น เราชอบเห็นตัวเอง และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับตัวเอง พูดกับตัวเองดี
  • ฉันลดความคาดหวังกับผู้คน เมื่อเราไม่คาดหวัง เราก็ไม่ผิดหวังและไม่ไปกดดันเขา เขาก็เป็นอย่างที่เขาเป็น ถ้าเราซัพพอร์ตเขาแล้วชีวิตเขาดีขึ้น ก็ดี แต่ถ้าอยู่ที่เดิม ก็เรื่องของเขาเพราะเขาเลือกเอง และเราก็เรียนรู้ที่จะเคารพการตัดสินใจของเขา
  • ฉันมีเพื่อนที่ดีมากๆ ไม่เยอะ แต่มีคุณภาพ มีเพื่อนทางจิตวิญญาณที่ปรึกษาและสะท้อนได้ทุกเรื่อง เป็นบุญมาก 
  • โควิดทำให้เข้าใจคนมากขึ้นในเรื่องการให้ค่าของสิ่งต่างๆ ในชีวิต ทำให้เห็นความไม่แน่นอน ทำให้ปลง โควิดจัดเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งในชีวิต ตอนแรกเครียดมากที่ลูกน้องติดโควิด และผัวลูกน้องเสียชีวิต แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราต้องปล่อยวางเมื่อเราทำแล้วเต็มที่

Work

  • การนำวิชา Leadership เป็นธรรมชาติมากขึ้นสำหรับฉัน เป็นเนื้อเป็นตัวเอง รู้ว่าจะพูดคุยอย่างไรกับเด็ก เซ็นเซอร์เราดีขึ้น ฉันรู้ว่าจะมีเด็กจำนวนหนึ่งที่ประทับใจในคลาสนี้ และอาจจะยังติดต่อกันต่อไป แต่ที่เหลือก็จะกระจัดกระจายไป บางคนที่ไม่ชอบในบางอย่างก็บอก
  • การที่เราทำคลาส Leadership ที่ว่าด้วยการพัฒนาตัวเอง การเดินทางภายใน ทำให้เราอยู่ในกระแสนี้ตลอดเวลา ทุกๆ สัปดาห์ จะได้ฟังเรื่องการฟังตัวเอง ไม่ตัดสิน การเคารพตัวเองและผู้อื่น การเข้าอกเข้าใจกัน สิ่งที่เราทุกคนรู้สึกและต้องการ ทำให้เรื่องเหล่านี้ใกล้ตัวฉัน เหมือนเราได้รับการเตือนอยู่ตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันตั้งใจที่จะทำให้ได้ในสิ่งที่พูด และพูดในสิ่งที่ทำ
Nov 14, 2021 หลังจากกินดีอยู่ดีมา 5 วัน
  • เทอมต้นสอนออนไลน์ทั้งเทอมเป็นครั้งแรก ตอนแรกคิดว่าน่าจะมาเจอกันได้ตอนครึ่งหลัง แต่ดีที่ปรับตัวเร็วและโชคดีที่เพื่อนวิทยากรทำได้ วิชา Leadership เป็น online workshop ทั้งเทอม ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลก เด็กรุ่นใหม่ปรับตัวได้ เพื่อชดเชยการไม่เจอกันตัวเป็นๆ ฉันใช้วิธีคุยกับเด็กออนไลน์ทีละคน ต้องใช้จินตนาการหนักมากว่าพลังงานเด็กเป็นอย่างไร ตอนแรกลังเลหลายอย่าง อยากจะเลิกทำคลาสไปเลยด้วยซ้ำเพราะเหนื่อย และคิดว่าออนไลน์จะไม่ได้ผล แต่ทำแล้วพบว่าดีกว่าที่คิด และดีใจที่เด็กๆ ได้รับการดูแลในช่วงโควิด ซึ่งเครียดกันมากกับสภาวะที่บ้าน การเรียนและสอบออนไลน์
  • เรื่องของการทำงานกับเด็กในเชิงการเปลี่ยนแปลงของเขา ฉันปล่อยวางได้มากขึ้น ก็ยังผลักดันอยู่ ท้าทายอยู่ แต่ก็รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงใช้เวลา ข้ามภพข้ามชาติกันเลย เด็กรุ่นแรกที่เคยเรียน leadership ตอนนี้ทำงานแล้ว ก็กลับมาปรึกษาด้วยปัญหาอีกแบบ หลายๆ ครั้ง เราเข้าใจผ่านการคิด แต่มันเข้าไม่ถึงใจ ยังดื้ออยู่ หรือว่ายังไม่ถึงเวลา ก็เลยยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
  • เคยคิดอย่างจริงจังเรื่องลาออกจากการเป็นอาจารย์หลังทำงานใช้ทุนครบ แต่ตอนนี้คิดว่าจะยังทำงานอาจารย์ไปเรื่อยๆ เพราะมันยังมีความหมายสำหรับเราอยู่ และโควิดทำให้ได้ใช้ชีวิตเหมือนเกษียณกลายๆ คือ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ทำงานอยู่บ้าน ออกกำลังกายทุกวัน และได้เที่ยวในประเทศเยอะมากๆ เพราะที่พักถูกและเบื่ออยู่กรุงเทพ ฉันคิดว่าฉันจะเบื่อมาก และรู้สึกไม่มีคุณค่าถ้าหยุดทำงาน และถ้าลาออก พ่อจะต้องหางานให้ทำแน่นอน ฉันรู้ตัวดีว่าเป็นคนไฮเปอร์ ถ้าให้อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร คงบ้าแน่นอน ชอบเที่ยวก็ชอบ แต่มันสนุกเพราะมันทำไม่ได้ตลอดเวลา




Comments