My 2020 year in review


  • ชอบซื้อของมือสองใน IG มากๆ (ลิสต์ร้านที่เคยซื้อ) แทบไม่ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า มือหนึ่งเลย เริ่มจากการซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว ช่วงโควิด แล้วก็มาซื้อคอร์เซ็ต เดรส กระเป๋า รองเท้า ตอนนี้เริ่มไม่มีที่เก็บ ก็หยุดซื้อแล้ว ฉันพบว่ามันตอบโจทย์เรื่องการลดการใช้ทรัพยากร และมันก็ถูกกว่าของมือหนึ่งด้วย แถมเก๋ ไม่เหมือนใคร
  • Podcasts and Audible ทำให้รถติดและการออกกำลังกายบนเครื่องน่ารื่นรมย์ ยังคงชอบเรื่องจิตวิทยา และจิตวิญญาณมากๆ มันทำให้ฉันเข้าใจตัวเองมากขึ้น และผู้คนรอบข้างมากขึ้น อีกเรื่องที่ชอบคือสุขภาพทั้ง Mind, body and spirit พบว่ากลับมาชอบฟังธรรมอีกครั้ง โดยเฉพาะจากโยมฝรั่ง ฉันชอบที่เขาอธิบายธรรมะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงๆ ได้ 
  • หนังสือบน Audible ที่ชอบมาก แบบ life changing 
    • Breath by James Nestor ได้การเทปปิดปากนอน และผลที่เกี่ยวเนื่องกับการหายใจจากเล่มนี้
    • The Laws of Human Nature by Robert Greene เพิ่งรู้ตอนไป Kino ว่าเป็นหนังสือ Management พูดถึงจิตวิทยา มีตัวอย่างที่เป็นคนจริงๆ ในประวัติศาสตร์โบราณจนถึงเร็วๆ นี้
    • Life is in the Transition by Bruce Feiler สัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตคนหลายร้อย เพื่อดู pattern ต่างๆ ของชีวิต Coping mechanism หรือวิธีการผ่านช่วงยากๆ 
    • Emotional Agility by Susan David รอบแรกที่ซื้อมารำคาญเสียงนาง พอฟังพ็อตคาสท์ที่สัมภาษณ์เขา ก็ไปฟังอีกที แล้วชอบ
    • 12 Rules for Life by Jordan B. Peterson ตามมาฟังเพราะเห็นนิ้วกลมรีวิว ชอบการร้อยเรื่อง และการใส่ตัวอย่างประกอบที่เป็นตัวอย่างจริง 
    • พอนั่งไล่ดูหนังสือที่ชอบ พบว่าฉันชอบเรื่องราวชีวิตคน มันหลากหลาย และฉันชอบเวลาที่เราอธิบายใต้ภูเขาน้ำแข็งของคนเหล่านี้ได้ เมื่อเข้าใจ ฉันจะมีเมตตาเพิ่มขึ้น และไม่ตัดสิน การบอกให้ตัวเองเมตตาใช้ไม่ได้สำหรับฉัน โดยธรรมชาติ ฉันเป็นคนตัดสินคน ถ้าฉันไม่เข้าใจ ฉันจะจับคนใส่กล่อง คนนี้ชอบ คนนี้แปลก แต่ถ้ารู้จักเขา ฉันพบว่าทุกคนก็แปลกหมด มีบางอย่างที่ยูนีคของตัวเอง ซึ่งทำให้มนุษย์น่าสนใจ
  • Grateful moments on Instagram Stories ซึ่งลิ้งมา Facebook Stories ฉันอ่านเจอว่ามันช่วยทำให้มีความสุขมากขึ้น ฉันให้เด็กบางคนทำส่งฉันทุกวันต่อเนื่อง 21 วัน ทำแลกกัน หลังๆ ฉันเขียนแล้วแปะรูป โพสต์ใน IG ทุกวัน มีหลายคนชอบอ่านบอกว่าได้พลังบวก ฉันรู้สึกว่าพอทำนานๆ แล้ว ทักษะในการมีความสุขของฉันเพิ่มขึ้น คือ สุขได้ง่ายขึ้น และรู้สึกขอบคุณหลายสิ่งมากขึ้น ชอบที่ได้ทบทวนตัวเองตอนสิ้นวัน เขียนขณะดื่มชาหรือสาโท ทำให้ผ่อนคลายมาก
  • IG stories (IG: jutapi) ฉันพบว่าเด็กป.ตรีของฉันไม่อัพ Facebook feed แต่ไปเล่น IG stories ซึ่งอยู่เพียง 24 ชม. และต้องคลิกเข้าไปดู ฉันก็ลองบ้าง เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับ Grateful moments ที่เขียนทุกวัน แล้วฉันก็อัพ screen shots ของสิ่งที่ฉันฟังแล้วน่าสนใจ แล้วแปล อัพคลิปที่ตัวเองออกกำลังกาย ฉันตั้งใจให้คลิปเทรนของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นไปออกบ้าง รวมถึงเอาไว้ดูเองด้วย ชอบฟิลเตอร์มัน ฉันตั้งใจใช้ Social Media เช่น Facebook and IG เพื่อเล่าเรื่องราวตัวเองหรือสิ่งที่ฉันสนใจ ฉันจึงเปิดให้คนอื่นมาดูได้ แต่ก็เลือก Facebook friends ให้ไม่ประหลาดเกินไป
  • น้ำผักปั่นจากปลูกปั่น กินต่อเนื่องมาจะครบปี ทำให้ฉันแน่ใจว่าฉันได้กินผักทุกวันและเป็นผักตามฤดูกาลที่หลากหลาย
  • การดูแลสุขภาพตัวเอง เป็นปีที่รู้จักวิธีกิน วิธีนอน วิธีออกกำลังกายจริงๆ เพิ่งมาเป็นตอนอายุจะห้าสิบ แต่ก็ดี ทำให้แข็งแรง และฉันมีรูปร่างดีกว่าช่วงใดๆ ในชีวิตตอนอายุจะห้าสิบนี้ ฉันชอบรูปร่าง ผิว ตัวเอง รู้สึกดีกับตัวเองเวลาส่องกระจก รู้สึกมีพลังงาน สดใส สมองโปร่ง มันไม่ใช่แค่การนับแคลอรี่ แต่เป็นการเลือกชนิดอาหารที่กิน และเวลาที่กินด้วย ปัญหาเรื่องนอนไม่หลับที่เป็นมาทั้งชีวิตก็ไม่เป็นประเด็นเลย 
  • การสอน ก่อนหน้าโควิด ก็เริ่มเบื่อชีวิตอาจารย์ แต่พอหยุดนาน ทำให้ฉันอยากมาเจอมนุษย์อีกครั้ง ฉันคิดว่าฉันมาสอนแบบมีพลังกว่าก่อนโควิด
  • คลาส Leadership ฉันรู้สึกว่าฉันมีเซ็นส์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มีทักษะ มั่นใจในตัวเอง และวางใจถูก ก็ช่วย ก็ดูแล แต่ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขาเท่าแรกๆ ทำจบไปห้าครั้งต่อเนื่อง ทำให้เริ่มเห็นผลว่าคลาสมีผลกับชีวิตเด็กบางคนจริงๆ บางคนก็มีผลแต่ยังไม่ชัด การได้มาทำคลาสนี้ทำให้ชีวิตฉันมีคุณค่า และมันส่งผลกับความเข้าใจชีวิตด้านอื่นของฉัน

  • ตึกภาควิชาใหม่เสร็จ ย้ายเข้าได้ ทำให้อยากไปทำงานมากขึ้น เพราะออฟฟิศน่านั่ง ที่จอดรถดีงาม รถไม่ร้อน
  • ความสัมพันธ์กับครอบครัวก็เรื่อยๆ มีหลานสาวเพิ่มมาอีก 1 คน ได้เจอหลานชาย 3 คนแทบทุกวัน ก็เป็น blessing พ่อยังแข็งแรงทำให้ฉันทำในสิ่งที่อยากทำได้
  • ความสัมพันธ์กับเพื่อน มีเพื่อนที่เราสนิท คุยได้ทุกเรื่อง ทุกเวลา ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ และไม่เหงาใดๆ กับการเป็นคนโสด เออ.. หลังๆ ไม่ค่อยเหงา บอกกับคนอื่นเล่นๆ ว่าใช้ความเหงาไปหมดแล้ว ช่วง 1-2 ปีแรกที่อยู่อเมริกา
  • ความสัมพันธ์กับคนพิเศษ ได้เจอกัน ห่างกันไป และกลับมาเจอกันอีกครั้ง จริงๆ ก็ดีใจที่มีช่วงที่ห่างกัน เพราะทำให้ฉันชัดเจนในบทบาทของฉันมากขึ้น รวมถึงสิ่งที่ฉันให้คุณค่า พอฉันชัดเจนในความต้องการของตัวเอง มันทำให้ความสัมพันธ์ไม่ยุ่งเหยิง วางตัวได้พอเหมาะ
  • ความสัมพันธ์กับตัวเอง ชอบตัวเองมากกว่าช่วงใดๆ ในชีวิต ทั้งนิสัย ทัศนคติ รูปร่าง การแต่งกาย คือ ยินดีเป็นเพื่อนกับตัวเอง ฉันยังมีด้านมืดอยู่ แต่ฉันรับรู้และอยู่กับมันได้มากขึ้น รับรู้และอยู่กับอารมณ์ตัวเองได้มากขึ้น ไม่ผลักไสเท่าแต่ก่อน

Comments