ไพ่นิทานกริมม์

Schneewittchen by Alexander Zick
มู (ชัยฤทธิ์  ศรีโรจน์ฤทธิ์) บอกว่าเขาเกิดมาเพื่อเล่านิทาน งานประจำคือจัดเวิร์คช็อปให้ครูปฐมวัย สอนครูเล่านิทาน และเป็นบรรณาธิการหนังสือนิทาน  ตอนนี้เขาได้พบวิธีใช้นิทานกับผู้ใหญ่ด้วยการ "ดูดวง" มูตั้งชื่อว่า "ไพ่นิทานกริมม์"  กำลังจะทำเป็นเรื่องราว ผูกกับเว็บไซต์ดูดวง

จริงๆ มันก็ไม่ใช่การดูดวงแบบบอกอนาคต ฉันมองว่ามันเป็นกระบวนการให้เจ้าตัวพูดคุยกับจิตใต้สำนึกผ่านนิทานมากกว่า มีนิทานและมูเป็นทางผ่านของสารจากจักรวาล

ด้วยโควิด ที่ผ่านมามูจะเล่านิทานทางโทรศัพท์ เมื่อวานเรานัดกันกินข้าว ฉันขอให้มูช่วยทำให้

ขั้นตอน

  1. บอกคำถามหรือประเด็นที่ต้องการคลี่คลาย เหมือนโค้ชชิ่ง ต้องมี Presenting agenda ฉันบอกว่าเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่ามาก ถ้าไม่มีประเด็นก็ไม่เป็นไร มูบอกว่าประเด็นมันจะออกมาเอง แต่ถ้าชัดเจนตั้งแต่แรก จะเร็วกว่า
  2. ให้ทอยลูกเต๋าที่มี 12 หน้าเพื่อเลือกนิทาน ก่อนทอย ฉันอธิษฐาน ขอให้ได้รับคำแนะนำ ฉันได้เบอร์ที่เป็นนิทานเรื่อง Snow White (เวอร์ชั่นไทย)
  3. มูเล่านิทานให้ฟัง ฉันก็กินไป ฟังไป เพราะอยู่ในคาเฟ่ แถมสโนวไวท์เป็นนิทานที่ยาวกว่าเรื่องอื่นๆ มูจึงบอกว่าจะเล่าแค่ 95%  ด้วยความที่ฉันรู้เรื่องแล้ว ฉันก็แอบหูดับไปบ้าง และคิดข้ามช็อต (มูบอกว่าจะดีสุดถ้านอนฟัง)
  4. มูถามว่าฉันคอนเน็คกับตัวละครไหน ให้เลือก 4 ตัว คือ สโนวไวท์ ราชินี คนแคระ และเจ้าชาย ฉันตอบว่า ราชินี 
  5. มูให้ฉันเรียงลำดับเลข 1 ถึง 4 มูจับคู่เลขกับตัวละครไว้ก่อน เลขลำดับแรกที่เราเลือก คือ ตัวละครที่เราตอนเน็ค ฉันได้ตัวละครเดิมคือราชินี  ฉันว่าอันนี้เป็นขั้นตอนเช็คที่ดีว่าลูกค้าตอแหล เลือกคาแร๊กเตอร์ที่เป็นคนดี ให้ตัวเองดูดีหรือไม่
  6. มูบอกว่านิทานที่ได้เป็นภาพรวม ส่วนตัวในนิทานที่เราคอนเน็คเป็นตัวเรา
  7. มูช่วยตีความ มูบอกว่าการตีความมีอายุการใช้งานประมาณ 30 วัน
  8. มูสังเกตว่าฉันดูไม่อินกับนิทาน เสนอให้ฉันมาฟังนิทานอีกรอบหนึ่ง ให้นอนฟัง ตอนค่ำ ฉันจึงโทรไป เมื่อฟังรอบสอง ได้รายละเอียดเพิ่ม และรู้สึกผ่อนคลายมากๆ  
ฉันใส่คอร์เซ็ต มากับหม่องและมากับมู

การตีความเรื่องสโนว์ไวท์ (สว.) จากมู

  • เนื่องจากสว. ถูกราชินีหลอกถึง 3 ครั้ง การได้เรื่องสว. เตือนฉันว่าอย่าผิดซ้ำๆ ซากๆ ฉันมักโกรธเขาด้วยเรื่องเดิมๆ เช่น มาสาย  
  • เพราะว่าฉันคอนเน็คกับราชินี โจทย์ของฉันคือ ความอิจฉา ซึ่งจริง ฉันขับเคลื่อนตัวเองด้วยความอิจฉาตอนเรียน อิจฉาเพื่อนที่เรียนเก่งกว่า และฉันพยายามดีดตัวเองให้เก่งกว่าเขา ส่วนกับชายหนุ่ม นี่ก็มีอิจฉาตอนเขาไปสนิทกับคนอื่น เหมือนราชินีในสว. ฉันทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยความอิจฉาของตัวเอง
  • ถ้าฉันคอนเน็คกับสว. สว.เป็นตัวแทนของเหยื่อ  ถ้าคอนเน็คกับเจ้าชาย หมายความว่ามองทะลุปรุโปร่ง
  • เพราะสว. มีคนแคระทั้ง 7 ช่วย ฉันมีคนที่ "ด้อยกว่า" สนับสนุนตลอด เช่น อายุน้อยกว่า สถานะต่ำกว่า อันนี้ก็จริงอีก เพื่อนที่คุยกันบ่อยๆ ตอนนี้ก็อายุน้อยกว่า
  • สว. เลือกนอนเตียงที่เจ็ด มีคนแคระเจ็ดคน ราชินีข้ามเขาเจ็ดลูก จักระที่เจ็ดอยู่บนกระหม่อม เป็นศูนย์พลังงานด้านปัญญาและสติ ฉันได้เรื่องสว. เป็นเรื่องของปัญญา ฉันตีความเพิ่มว่าฉันน่าจะผ่อนคลายและมีความสุขได้เพราะใช้สติปัญญา
  • สว. จบแบบ Happy ending เรื่องฉันน่าจะจบดี ฉันโลกสวยว่า The Godless Queen ในตัวของฉันจะตายในที่สุด หรือว่าฉันและเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

การตีความของฉัน

  • สว.เป็นตัวแทนชายหนุ่มของฉัน ด้วยอายุและความไร้เดียงสา
  • สว. ตื่นขึ้นมาเองเมื่อแอปเปิ้ลหลุดจากคอ หลังจากที่โลงศพถูกกระแทก ฉันคิดว่าชายหนุ่มฉันจะ"ตื่น" ขึ้นมาเองหลังจากที่เจออุปสรรค
  • ความสัมพันธ์นี้น่าจะยาวไปซักพัก เพราะใช้เวลากว่าสว.จะตื่น
  • ฉันคิดว่าฉันจะคอนเน็คกับชายหนุ่มมากขึ้นถ้าฉันมองทะลุโลงแก้วให้เห็นเขา
  • ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันพรั่งพร้อมเหมือนราชินีในเรื่อง ถ้าไม่ทำตัวเองให้เดือดร้อนด้วยความอิจฉา ก็สุขสบายดี
ถ่ายรูปกับกระจกวิเศษทุกเช้า
ในภาพรวม ฉันรู้สึกว่าการทำกิจกรรมแบบนี้เป็นการดูแลตัวเองภายใน เหมือนนวดหน้า นวดตัว ที่เป็นการดูแลตัวเองภายนอก ฉันชอบเมสเสจเรื่องอย่าผิดซ้ำๆ  Same input -> Same outcome ถ้าอยากเปลี่ยนผลลัพธ์ก็ควรเปลี่ยนวิธีการ  และฉันชอบที่ได้ฟังมูเล่านิทานให้ฟัง มันเป็น Human connection ดีกว่าอ่านเอง  ฉันคิดว่าการได้รับสารจากจักรวาลผ่านนิทานและการตีความของเราและมูนุ่มนวลกว่ามีคนมาบอก หรือคุยกันเฉยๆ เวลาคุยกัน ฉันมักใช้เหตุผล บางครั้งฉันอยากได้ปัญญาญาณ (Intuition) ที่ไม่ได้ผ่านการคิด 

เรื่องตลกร้ายของช่วงนี้ คือ ฉันมีโปรเจ็คถ่ายรูปตัวเองที่กระจกทุกเช้าเพื่อจะรวมไปทำคลิปแสดงกระบวนการแก่ เหมือนราชินีที่ถามกระจกวิเศษ และในบางเวอร์ชั่นของนิทานสว. รอบแรก ราชินีรัดสว.ตายด้วยคอร์เซ็ต ไม่ใช่ผ้าพันคอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันชอบใส่ในช่วงนี้ด้วย  ฉันก็คงเป็น Godless Queen จริงๆ 

ผ่านไป 1 วัน ฉันสังเกตว่าความอิจฉาของฉันเกิดขึ้นบ่อยมาก แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย เช่น คนอื่นเขียนรีวิวให้เพื่อนเหมือนที่เราเขียน แล้วเขาเขียนด้านที่เราไม่ได้เขียน ฉันก็อิจฉาเขา Aha moment ของฉันคือ มันไม่ได้เกี่ยวกับชายหนุ่ม ความอิจฉาของฉันเกิดขึ้นเมื่อฉันเปรียบเทียบ พอเห็นว่าตัวเองเริ่มเปรียบเทียบ ถ้าชะลอตัวเองได้ สันดานนี้น่าจะค่อยๆ หายไป




Comments