การดูแลตัวเองของฉัน @ 47


ชอบที่แขนตัวเองมีกล้าม (หมกมุ่นหน่อยๆ)
ตอนนี้อายุชั้นใกล้ครึ่งทศวรรษเข้าไปทุกทีแล้ว ความน่าประหลาดใจคือชั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับร่างกายตัวเอง ขอบคุณที่ร่างกายยังทำงานได้ดี และชั้นรักร่างตัวเอง และมีความสุขที่จะได้ดูแลมัน แต่ก่อนไม่ค่อยชอบเพราะมันไม่สวย อ้วนไป ผิวไม่ดี...

ความตั้งใจของโพสนี้คืออยากเขียนบันทึกดูว่าเราทำอะไรบ้าง แยกตามหัวข้อของข้อมูลที่ได้มา ส่วนหนึ่งคืออยากรู้เอง อีกส่วนหนึ่งคือเห็นสุขภาพของคนรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นนิสิตหรือเพื่อนๆ แล้วเราคิดว่ามันปรับให้ดีกว่านี้ได้

การเปลี่ยนแปลงจะง่ายที่สุดถ้าทำทีละน้อย และเพิ่มเติมจากิจวัตรที่ทำอยู่แล้ว (อุ๊เรียกว่า Piggy banks) ถ้าเริ่มอะไรใหม่ทั้งแท่งเลย อาจต้องใช้พลังใจและวินัยมากๆ ถึงจะทำให้เป็นนิสัยได้

ถ้าเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้ 1 อย่าง ที่เหลือจะตามมาอย่างง่ายๆ

หมอฝังเข็ม

ชั้นเริ่มฝังเข็มเพราะว่าเข่าซ้ายไม่ดี แล้วไม่อยากผ่าเปลี่ยนเข่า การฝังเข็มก็ช่วยจริงๆ พบว่ามันช่วยปรับสมดุลพลังงาน (Chi: Life Force) ได้ดี ชั้นแทบจะเลิกนวดตัวไปเลยเพราะฝังเข็มลงลึกกว่า ชั้นฝังเข็มที่หน้าด้วยเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน และชะลอวัย ชั้นทำอาทิตย์ละครั้งหรือสองอาทิตย์ครั้ง

หมอฝังเข็มสั่งหนักหนาว่าไม่ควรกินน้ำเย็นหรือของเย็นๆ  หมอบอกว่าคนไข้ที่ดูอ่อนกว่าวัยมากๆ ของหมอทุกคนไม่กินน้ำเย็น ฟังจากทางอายุรเวท (แพทย์อินเดีย) เค้าเชื่อว่ากระเพาะเป็นเตาเผา ซึ่งทำงานได้ดีที่สุดตอนเที่ยง การกินน้ำเย็นเหมือนสาดน้ำเข้าเตาเผา จึงไม่ควรกินของเย็นๆ เพราะส่งผลให้การย่อยและการดูดซึมสารอาหารทำงานได้แย่ลง

การออกกำลังกายหรือการกิน ก็ควรทำช่วงที่มีแสงธรรมชาติ ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก เพราะร่างกายเราถูกออกแบบมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ถ้ำ การมีไฟฟ้าทำให้เราใช้ชีวิตขัดกับนาฬิกาชีวิต (ฺBody Clock) ตอนค่ำ ร่างกายเข้าสู่โหมดพัก ไม่ควรเอาไปออกกำลังหนักๆ หรือกินเยอะๆ

การออกกำลังกายมีปริมาณที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน บางคนออกเยอะไปก็ไม่ดี

ออกกำลังกายเสร็จควรเหยียดยืดกล้ามเนื้อ ถ้าตึงแล้วกล้ามเนื้อจะระบายความร้อนได้ไม่ดี และถ้าความร้อนสะสมในร่างเยอะ ก็จะออกอาการ เช่น เป็นสิว

แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นก่อนนอน แช่ถึงตาตุ่ม หมอบอกว่าช่วยผ่อนคลาย ชั้นใส่เกลือเข้าไปด้วย หมออีกคนบอกว่าช่วยระบายประจุไฟฟ้าลบที่เราสะสมทั้งวันจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า ประจุลบไปรบกวนการทำงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกาย อันนี้ชั้นก็ทำทุกวัน ระหว่างทาโลชั่นที่หน้าและสวดมนต์ก่อนนอน

การกินน้ำผักผลไม้ปั่น 

อันนี้เป็นไซส์เล็ก ปกติชั้นสั่งอันใหญ่
ชั้นฟังคุณ Elissa Goodman เรื่องน้ำผักแล้วก็เห็นประโยชน์ตามอย่างมาก นางบอกว่าเหมือนเราฉีดวิตะมินเข้าเส้น (IV) ชั้นซื้อคอร์สกับปลูกปั่น ที่มาส่งทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตอนเช้า ตอนนี้เริ่มจากการกินสูตรที่กินง่าย คือ หวานหน่อย แต่คอร์สหน้าจะกินผักมากขึ้น หารออกมาวันละ 180 บาท (รวมค่าส่งแล้ว) ซึ่งดูเหมือนแพง แต่ราคาก็ใกล้ๆ กับกินกาแฟสตาร์บัคส์  ชั้นมโนว่าผิวชั้นดีขึ้นหลังจากบริโภคมาได้เกือบเดือน แล้วก็ได้แบ่งให้พ่อกินด้วย พ่อก็ได้ผักผลไม้ปั่นด้วย

Business model ของปลูกปั่นน่าสนใจมาก คือ เค้าซื้อผักผลไม้จากเกษตรกร ออร์เกนิคเท่าที่จะทำได้ แล้วปั่นใส่กระปุกแก้ว ให้คนมาส่งด้วยจักรยาน แล้วเราล้างกระปุกคืนไปทุกวัน คือ พยายามใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด

Functional Medicine

Functional medicine เชื่อว่าอาหารเป็นยา และทุกอย่างเชื่อมกัน ไม่ได้รักษาตามอาการเหมือนแพทย์สมัยใหม่ หมอที่ทำด้านนี้ก็เป็นหมอสมัยใหม่ตามปกติ แต่ศึกษาเรื่องอาหาร ไลฟ์สไตล์ จิตวิทยาประกอบด้วย

แคลอรี่จากอาหารแต่ละอย่างไม่เท่ากัน เช่น สำหรับร่างกาย แคลอรี่จากโดนัทไม่เหมือนกับแคลอรีจากผลไม้ที่กินตรงๆ ถึงจะหวานเหมือนกันก็ตาม ชั้นเลิกเชื่อการนับแคลอรี่หรือตวงอาหาร

ที่ชั้นเปลี่ยนโดยสิ้นเชิงคือการกินแป้งและน้ำตาลให้น้อยๆ ไม่กินเลยยิ่งดี  ชั้นเริ่มจากการทำควิซ Inflammation Spectrum ของ Dr. Will Cole แล้วเราคะแนนไม่ดีในสามหมวด ก็อยากรู้ว่าเราอักเสบจากอะไร ก็งดการกินอาหาร 4 กลุ่มตามที่แกแนะนำ คือ Grains ทุกชนิด เช่น ข้าว แป้งสาลี, ผลิตภัณฑ์นมวัว, น้ำมันเลว และน้ำตาล เป็นเวลา 1 เดือน แล้วพองดได้และเห็นผลจากมัน คือ น้ำหนักลดเล็กน้อย พุงหายไป มีพลังงานมากขึ้น สมองเคลียร์ ทั้งๆ ที่ชั้นเป็นคนติดขนมปังและเบเกอรี่มากๆ พอทำได้แล้วทำให้เราฮีกเหิม ก็ทำต่อไป

ส่วนที่ทำให้มั่นใจว่ากินแป้งและน้ำตาลให้น้อยดีกว่าคือเมื่อฟัง Dr. Perlmutter พูดในพ็อตคาสต์เรื่องผลของน้ำตาล แป้ง และกลูเต็น (มีในข้าวสาลี) ต่อสมองและระดับน้ำตาลในเลือด บางครั้งเรามีอาการเช่นไมเกรน อาจจะเป็นเพราะกลูเต็นก็ได้ กลูเต็นมีสภาพหนีดๆ มันจึงอยู่ในซอสหลายชนิด ความหนีดของมันไปรบกวนการย่อย ฮีสนับสนุนว่าควรกินไขมันดีเยอะๆ บางทีชั้นก็จะราดน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าวในอาหารที่กิน 

อีกอันที่ชั้นพลิกมากๆ คือ งดผลิตภัณฑ์นมวัว รวมทั้งโยเกิต ชีสด้วย นมมีแล็คโทส ถึงชั้นจะกินนมแล้วไม่ท้องเสีย แต่คิดว่าแล็คโทสย่อยยาก ช่วงนี้ชั้นกินกาแฟใส่นมถั่วเหลืองถ้าอยู่ข้างนอก (Starbucks and S&P ทำให้ได้) แต่ถ้าอยู่ที่บ้านก็กินกาแฟใส่กะทิ อร่อย มันๆ ดี

ส่วนเรื่องการงดน้ำมันเลว ก็ไม่ได้จริงจังมาก แต่ก็พยายามหลีกเลี่ยงของทอด ยกเว้นอันที่ชอบจริงๆ  

ชั้นรับผักปลอดสารจาก Farmily ที่มาส่งอาทิตย์ละครั้ง ชอบที่เค้าช่วยเกษตรกรและชั้นได้กินผักหลากหลายตามที่เค้าเอามาส่งให้ ชั้นไม่ได้ทำกับข้าว แต่ใช้วิธีนึ่งผักแล้วกินกับกับข้าวที่ซื้อมา หรือว่าใส่น้ำสลัดแล้วเติมทูน่ากระป๋อง ก็ได้อาหาร 1 มื้อแล้ว ผักนึ่งย่อยง่ายกว่าผักสด

Intermittent Fasting มีแต่งานวิจัยบอกว่าการอดอาหารบ้างทำให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้น อายุยาวขึ้น เคยทำแล้วก็หยุด ตอนนี้กลับมาทำแบบไม่ทรมานมาก คือ ไม่กินหลังบ่ายสาม บ่ายๆ เย็นๅ ถ้าหิวก็ชงชาสมุนไพรร้อนดื่ม ช่วยแก้หิวได้ดี แต่ก็ตื่นมากินตั้งแต่ 6 น. เลย

ทัศนคติและพลังงาน

ไม่ได้คิดเรื่องลดน้ำหนัก แต่อยากแข็งแรง สุขภาพดี น้ำหนักที่ลงมาหรือรูปร่างที่เปลี่ยนไปเป็นผลพลอยได้ ชั้นพบว่าถ้าหมกมุ่นเรื่องตาชั่งมากเกินไป ทำให้เราไม่อยากดูแลสุขภาพต่อ

ช่วงนี้ ชั้นสนใจเรื่องการเยียวยาด้วยพลังงานและจักระ (Energy Center) ความรู้สึกของเราเดินทางได้เร็วกว่าความคิด บาดแผลทางใจที่ไม่ได้รับการเยียวยามันล็อกอยู่ในร่างกายของเราตามบริเวณของจักระ เช่น จักระที่สองเป็นบริเวณมดลูกหรือต่อมลูกหมากเกี่ยวข้องกับ Sense of abundance, well-being, pleasure, sexuality หลายๆ คนที่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์ มดลูกก็จะมีปัญหาไปด้วย จะเยียวยาจริงๆ ต้องทำทั้งกายและใจ บางทีถ้ารักษาแผลใจได้ อาการทางกายก็ไปเอง

พิธีกรรมก่อนนอนและเมื่อตื่นนอน

ตอนเช้าที่เพิ่งตื่น ก่อนเช็คโทรศัพท์ จะนั่งสมาธิ 25 นาทีทุกวัน ค่อยๆ อัพเลเวลจาก 15 เป็น 20 และ 25 นาที เสร็จก็แผ่ส่วนบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร และเทวดาที่คุ้มครองเราอยู่ แล้วก็อธิษฐานให้พ่อและเด็กๆ ที่เราดูแล

ค่ำๆ ก็ชงชาเจียวกู่หลาน (เพิ่งเปิดดูตะกี้ สรรพคุณเพียบ) คาโมมาย (สองอันนี้ซื้อแบบ Loose leaves มาจากโครงการหลวง เลยเอามาผสมกับวาเลอเรียนรูทให้รสชาติดีขึ้น ซื้อแบบไม่แพ็คถุงชา ถูกมากๆ) และ Velerian root ซึ่งขมมากและกลิ่นแรง วาเลอเรียนช่วยให้หลับดีขึ้น

ก่อนนอนก็แช่เท้าในน้ำอุ่น แล้วก็ทาโลชั่นที่หน้า แล้วก็สวดมนต์ เอาง่ายๆ แค่อิติปิโส 10 รอบพอ ตอนแรกจะทำเท่ากับอายุ แต่ว่าแก่ละ สวด 48 รอบมันเยอะ

ชั้นไวต่อกลิ่น ใส่ Lavender essential oil ใน Vaporizer ให้ไอหอมๆ ออกมา 

วิตามินและอาหารเสริม

แต่ก่อนแทบไม่กินเลย แล้วพวกหมอ Functional medicine ทุกคนกินและแนะนำคนไข้ตัวเองให้กิน ชั้นก็ดูตามลิสต์ที่เค้าแนะนำแล้วก็กินตาม (อันนี้เป็นอีกลิสต์หนึ่ง) สลับไปมา  ชั้นสั่งจากเว็บ iherb.com ซึ่งเมื่อรวมค่าส่งและภาษีนำเข้า ก็ยังถูกว่าที่เค้าหิ้วกันมาจากนอก ส่งเร็วมาก ไม่เกินสองอาทิตย์ก็ได้ของละ

ชั้นกิน Probiotics, ขมิ้นชัน (รักษาอาการอักเสบ-inflame ทั้งในกระเพาะและกล้ามเนื้อ), สมุนไพรใบแก้ว (ช่วยถ่าย), Digestive Enzyme, Magnesium, Vitamin D, Collagen, Calcium, วิตะมินรวม, Vitamin B, Krill oil, รากสามสิบ คือ กินสลับไปมา ไม่ได้โหมหมดทุกอันทุกวัน 

การออกกำลังกาย

ชอบโควทอันนี้ที่เห็นใน IG
ตั้งแต่มีบีทีเอสถึงมหาลัย ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ออกกำลังกายตอนเช้าแล้วไปทำงานต่อได้ ช่วงนี้ก็เทรนกับเทรนเนอร์อาทิตย์ละ 4 ครั้งๆ ละชั่วโมง บางทีก็ยืดตัวต่อด้วยพิลาทิสหรือโยคะ มีคาร์ดิโอด้วยการปั่นจักรยาน (Rhythm Cycling) ด้วย บางทีเทรนเนอร์ก็ให้ต่อยมวย

ชอบมากเลยเวลาเราทำอะไรที่ยากขึ้นได้ เช่น ท่าที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้ หรือน้ำหนักที่คิดว่ายกไม่ได้ 

การนอน

ถ้านอนดีแล้วจะภูมิคุ้มกันจะดี หน้าใส อารมณ์ดี สมองแล่น การนอนสำคัญมากๆ  ชั้นมีพิธีกรรมก่อนนอนไม่นอนเกินสี่ทุ่ม ห้าทุ่มนี่ดีกมาก กินกาแฟวันละแก้ว ถึงแม้จะชอบมากๆ เพราะมันทำให้นอนไม่หลับ

การนวดหน้า

อาทิตย์ละครั้ง ถือว่าเป็นการผ่อนคลาย ซื้อคอร์สไปแล้วด้วย ต้องใช้ให้คุ้ม

การหาหมอฟันและหมอตา

หาหมอฟันทุก 6 เดือนอยู่แล้ว พอเริ่มแก่และใช้สายตามาก ก็เพิ่มหาหมอตาปีละครั้งด้วย ถ้ามีอะไร จะได้ทำได้เลย ชั้นเคยทำเลสิค ก็หากับที่ทำเลสิคมา

Podcasts ที่ชอบ 

Podcasts เป็นแอพของ iPhone ถ้าใช้แพลตฟอร์มอื่น น่าจะโหลดอะไรที่คล้ายกันมาได้  ชั้นขอบพ็อตคาสท์มาก ทำให้ได้รู้อะไรหลายอย่าง แล้วถ้าสนใจ ก็ไปหาหนังสือมาฟังเพิ่ม (ฟังผ่าน Audible) แก่แล้วตาเริ่มไม่ดี ก็ใช้ฟังแทน และฟังตอนนั่งรถ ตอนเดินได้

ภาษาอังกฤษ

  • Goop ด้านสุขภาพ จิตวิทยาและไลฟสไตล์
  • GoopFellas ด้านสุขภาพ จิตวิทยาและไลฟสไตล์ เน้นผู้ชาย
  • BeautyCloset ด้านความงาม
  • Armchair Expert อีตาโฮสท์นี่ขำมาก ชอบคนที่ฮีเชิญมา
  • On Being ด้านจิตวิญญาณ การทำงานเพื่อสังคม

ภาษาไทยเป็นด้านจิตวิทยา

  • R U OK
  • Thai Counseling Psychologist Club


Comments