คืนสู่ธรรมชาติที่ปางสีดา

Photo Credit: Vichai Napua
ก่อนจะไปปางสีดาคราวนี้ ชั้นรู้สึกเหนื่อยกับเทอมนี้มาก ทั้งตารางการเรียนแบบไทยและอังกฤษ และการมีนิสิต ๓๐ คนในคลาส Leadership มันเยอะมากสำหรับชั้น และชั้นเกือบจะยอมแพ้ความขี้เกียจด้วยการงดไปปางสีดา ไม่มีใครสั่งว่าเราต้องไป ชั้นแค่คิดเองว่ามันดี และสองครั้งที่ผ่านมามันก็ดีมาก เป็นฟินาเล่สำหรับนิสิตในคลาส

สันดานที่ดีของชั้นคือการปิดจ๊อบ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ ถ้าชั้นตั้งใจไว้แล้ว ก็จะทำให้ได้ โดยเฉพาะถ้ามันดี และได้สัญญากับคนอื่นไว้แล้ว ทั้งนิสิต มู และวิชัย

ชั้นชอบไปที่ๆ ไม่เคยไปและรู้สึกว่าคนพลุกพล่านมากที่เขาใหญ่ในวันเสาร์อาทิตย์ วิชัยเสนอที่ปางสีดาแทนเขาใหญ่เพราะฮีไม่ได้ไปนานแล้วและไม่ไกลกรุงเทพมาก

เราจองที่ลานกางเต็นท์ แต่วิชัยมาสำรวจสถานที่ก่อนแล้วบอกว่ามันไม่ธรรมชาติพอ ฮีเสนอขึ้นไปที่ห้วยเย็น ที่ต้องใช้รถโฟรวีลขึ้นไป ชั้นตกลง พอมาเจอเจ้าหน้าที่อุทยาน เค้าบอกว่าข้างบนมีแต่ Solar cells และไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ชั้นชอบมาก เพราะนิสิตรุ่นนี้แทบไม่ห่างคลื่นเกิน ๒๔ ชม.

เพราะว่ากันดาร ไม่มีร้านค้า ไม่มีเครื่องดื่มเย็น และไม่ได้ใช้เงิน

ชั้นชอบความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ไปถึง คืนวันศุกร์มีแต่พวกเรา ดาวเต็มฟ้า เรามีกิจกรรมฟังเสียงธรรมชาติและนอนดูดาว

ชั้นทำค่ายนี้เป็นครั้งที่สาม บริหารเด็กได้ดีขึ้น แบ่งกลุ่มทำอาหารและเตรียมอุปกรณ์ใส่อาหารมาเอง

โดยสันดาน ชั้นเบ่งพลังดุได้ แต่ชั้นอยากให้นิสิตรู้สึกปลอดภัยพอที่จะคุยกับเราได้ทุกเรื่อง ชั้นจึงยั้งๆ การใช้พลังเอาไว้  งวดนี้ชั้นรู้สึกมั่นคงพอที่จะเอาพลังนางพญามาใช้ และพบว่าทำให้นิสิตมีวินัย เราทำอะไรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

คืนที่สองเป็นคืนสุดท้าย เราล้อมรอบเทียน มูนำกิจกรรมร้องขอ เด็กๆ เปิดตัวแรงด้วยน้ำตา ออกมาพูดประมาณครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งทำท่าจะไม่ออก จนมูออกมาเป็นคนร้องขอเอง ณ จุดๆ นั้น ชั้นเบ่งพลังบอกว่า ชั้นรีเควสให้ทุกคนออกมาพูดเรื่องตัวเอง ชั้นไม่ได้เอาพวกเธอขึ้นเขามาเพื่อนั่งเฉยๆ สำหรับคลาสที่ผ่านมา คืนสุดท้ายเป็นคืนที่ทรงพลังมากที่สุด ชั้นสำทับด้วย "เกรดพวกเธออยู่ในมือชั้น" ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกคนต้องออก และมันก็ทรงพลังจริง

บางครั้ง ครูต้องถีบให้บางคนออกจาก comfort zone  ทั้งนี้ก็แล้วแต่บุญกรรม

จุดที่เราทำพิธีกรรมร้องขออยู่หน้าศาลเจ้าที่พอดี เจ้าหน้าที่อุทยานบอกให้เราบอกกล่าวเจ้าที่ไว้ด้วยในตอนที่มาถึง ในคืนนั้น ชั้นหันหน้าเข้าหาศาลพอดี และมีเปลวเทียนให้แสง ชั้นมองไปด้านหน้า เห็นเงาวูบๆ หลังนิสิตก็คิดว่าน่าจะมีอะไร แต่ก็คิดว่านิสิตอาจจะขยับตัวเยอะ ปรากฎว่าไม่ใช่ เช็คตอนเช้าว่ามีคนอื่นก็เห็นสิ่งที่เราเห็น แต่พลังงานมันไม่ได้น่ากลัว เค้าน่าจะช่วยดูแลเราอยู่

อาหารก็ดี คราวนี้ระบุว่าให้ซื้ออะไร ทำให้ได้ของที่เด็กกินได้ ขอบคุณวิชัยที่ช่วยซื้อให้

การที่ชั้นไม่ Happy กับวิชัยในบางอย่างในค่ายที่แล้วและชั้นบอก ทำให้วิชัยทำงานถูกใจชั้นมากในค่ายนี้

เมื่อฟังวิชัยบรรยายมาหลายรอบ ก็พบว่าเราพาเด็กมาค่ายเพื่อสร้างคนที่รักธรรมชาติ ไม่ใช่แค่หิ้วถุงผ้า เราอยากได้คนที่มององค์รวม เห็นความเชื่อมโยง ไม่ใช่แค่ทำอะไรได้เป็นส่วนๆ มันคือมรดกที่ชั้นทิ้งไว้ให้กับโลกนี้ เป็น impact ที่ชั้นสร้าง

การมาค่ายงวดนี้ทำให้ชั้นมีพลัง นิสิต ๓๐ คนมีสารพัดปัญหา บางครั้งชั้นฟังแล้วชั้นเหนื่อย อยากไม่รับรู้ ชั้นรู้สึกได้ว่าปัญหาของเด็กมันจะรุนแรงและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ชั้นอยากเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามากกว่าบ่นไปวันๆ จริงๆ แล้ว การเปิดวิชานี้ก็เพื่อตอบโจทย์การดำรงอยู่ของตัวเองว่าชั้นอยากมีชีวิตที่มีความหมาย ควรค่าแก่โอกาสและทรัพยากรที่ได้รับในชาตินี้ ชั้นคิดเสมอว่าจักรวาลจัดสรรทรัพยากรและโอกาสให้ชั้นเพื่อทำงานบางอย่าง คงไม่ใช่แค่ชิลล์ นั่งกิน นอนกิน เฉยๆ ซึ่งก็ทำได้ด้วยเงินที่มี แต่น่าจะไม่เกินหนึ่งเดือนเพราะน่าจะเบื่อมากและทำให้ตัวเองบ้าซะก่อน

Comments