เทอมนี้ของฉัน (Weeks 7-9)

ชั้นหยุดเขียนบล็อกไปสามสัปดาห์ เพราะเป็นวีคก่อนสอบกลางภาค สอบกลางภาค ที่ไม่มีอะไรจะเล่า และวีคที่ผ่านมา ชั้นหมดแรง

ชั้นเริ่มระแวงว่าตัวเองจะเป็นซึมเศร้าหรือเปล่า ชั้นมีความเชื่อมาตลอดว่าชั้นอาจจะเป็นก็ได้วันใดวันหนึ่ง ชั้นชอบอ่านเรื่องเล่าของคนเป็นซึมเศร้า เช่น เฟสบุ๊คของทราย เจริญปุระ หรือ Parker Palmer ชีวิตพาล์มเมอร์ก็ดูเพียบพร้อมทั้งเรื่องงานและเชิงจิตวิญญาณ ยังซึมเศร้าได้เลย ชั้นว่ามันเหมือนหวัด ใครๆ ก็เป็นได้ ไม่มีเหตุผลตายตัว

สองวีคที่ผ่านมา ที่เอื่อยเนือย ชั้นไถไปตามหน้าที่มาก คือ มีอะไรที่ต้องทำก็ทำๆ ไป  เป็นช่วงต้นเดือนพอดี ที่ชั้นต้องช่วยธุรกิจที่บ้าน และต้องขับรถเยอะมาก ทำให้ชั้นเริ่มเกลียดกรุงเทพ ทำไมรถติดขนาดนี้วะ ขนาดชั้นทำทุกอย่างในรถ กิน แต่งหน้า ฟังหนังสือเสียง ใช้เวลามีประสิทธิภาพสุดๆ (ชั้นให้ค่ากับประสิทธิภาพ) ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี

ถ้าไม่ซึมเศร้า ก็วัยทอง ซักอย่างนึง เบื่อระดับที่ออกมาทางหน้า เพื่อนร่วมงานถามว่าทำไมดูหมดแรง  ฝนมาทำกิจกรรมให้นิสิต ก็เซ็งจนขี้เกียจถ่ายรูป

ความตลกร้ายคือชั้นไม่มีเหตุผลอันใดที่จะเบื่อกับชีวิต ชีวิตดีมาก งานสอนก็ไปได้ดี เข้ากันได้กับเด็กๆ โปรเจคที่อยากทำก็ได้ทำ เงินดี ครอบครัวดี สุขภาพดี เพื่อนดี ชั้นผ่านหมดทุกเช็คลิสต์  แต่มันก็เซ็งสุด แล้วก็เริ่มตั้งคำถามว่า ชั้นเสพติดความมีชีวิตชีวา (Vitality) หรือเปล่า คือ มึงไม่ต้อง upbeat ตลอดเวลาก็ได้ม้างงงง

ชั้นเริ่มเข้าใจคนเบื่อโลกในระดับหนึ่ง ความเบื่อไม่ได้ขึ้นกับสิ่งภายนอก

ชีวิตที่หลุดสมดุลแสดงออกทางอื่น เช่น ชั้นช้อบปิ้งออนไลน์เยอะมาก เหมือนอะไรมันขาดหายไป เลยเอาของมาถมให้เต็ม ไม่มีเวลาไปเดินห้าง ก็ช็อปออนไลน์ละกัน

อีกอย่างที่ไม่ได้ทำคือไม่ได้เขียนด้วย

จริงๆ ช่วงที่เซ็งสุดๆ ก็ได้เพื่อนช่วยดึงขึ้นมา พี่ที่สนิทกันเก่งมาก อ่านชั้นออกมากกว่าที่คิดไว้ ว่าที่เซ็งนี่น่าจะเป็นเพราะสอนวันอาทิตย์แล้วไม่ได้พัก

ชั้นเป็นมนุษย์ High maintenance ต้องการเวลาเข้าถ้ำ เพื่อ Hibernate ฟื้นพลัง ทำตัวคุณนาย ฝึกโยคะ ไปสปา ถึงจะใช้วันจันทร์ทดแทนวันอาทิตย์ จังหวะยังไม่ลงตัว เมื่อวานเป็นวีคที่สอง ร่างกายเริ่มจะชิน พลังเริ่มกลับมา

Weakness is a state of openness and surrendering to the new possibility.
                                                                                                      P' Nutt

สองอาทิตย์ก่อนเป็นวันแรกที่ชั้นเริ่มสอนโครงการอินเตอร์ ป.โท เรียนวันอาทิตย์ทั้งวัน 9,00-16.00 ถึงจะเป็นเรื่องที่ชั้นสอนมานานแล้ว เอกสารชั้นก็เป็นภาษาอังกฤษ แต่การสอนก็เหนื่อยอยู่ดี บางทีชั้นรู้สึกเลยว่ากำลังแสดงบทบาทการสอน ไม่ได้อยากสอน คือ มันเบื่อและเหนื่อยจนมันไม่อิน

วันนี้ พอได้พักเต็มๆ วัน พลังเริ่มกลับมา

พอผ่านครึ่งแรกของเทอมไป ชั้นรู้ว่าคลาสชั้นไปได้แน่ มีโมเมนตั้มของมันที่จะดำเนินไป คลาสที่ชั้นเป็นห่วงที่สุดคือ Communication and Leadership เด็กๆ ก็เริ่มเข้าที่แล้ว เชิญฝนมาสอนจับประเด็น ฝนชมว่าเด็กตั้งใจมาก สะท้อนกิจกรรมได้ดีมาก วันนี้ให้ส่งการบ้าน Mapping สิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ ก็ทำกันได้มีพลัง มีความหมาย

จริงๆ เด็กๆ ทำให้ชั้นมีพลังอีกครั้ง รู้สึกดีใจกับเค้าไปด้วยที่ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าชอบทำอะไร อยากทำอาชีพอะไร

ชั้นรู้ตัวว่าเป็นคนที่มีระยะกับทุกคน เหมือนจะเข้าถึงชั้นได้ แต่เข้าไม่ถึงหรอก ช่วงแรกๆ ที่ทำคลาส Leadership มีความกังวลว่าชั้นจะต้องแบกอุ้มทุกคนมากแค่ไหน เกินกว่าที่เราจะรับได้หรือเปล่า แต่ปรากฏว่าเด็กๆ แข็งแกร่งได้ด้วยตัวเอง มันรับชั้นได้แบบที่ชั้นเป็น จริงๆ เด็กๆ accommodate ได้มากกว่าผู้ใหญ่ซะอีก ปรับตัวได้ดีกว่า เงื่อนไขน้อย

ของขวัญอีกอย่างวันนี้คือได้พบแฟ้มจดหมายที่แม่เก็บไว้อย่างดี สมัย 20-30 ปีก่อน ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ก็แพงมาก ก็เขียนจดหมายเอา ชั้นเขียนบ่อยมาก ระบายความทุกข์ การได้เจอจดหมายเหมือนเป็นของขวัญจากแม่ที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว

ความเบื่อชีวิตก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ ไม่ใช่ว่าเราทำเรื่องดีๆ แล้วเราจะรู้สึกดีตลอดเวลา

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยชั้นมากคือชั้นไม่พยายามหายเซ็ง เซ็งก็เซ็งไป ชั้นดำเนินชีวิตไปตามที่ต้องทำ ไม่ตามใจตัวเองให้จมจ่อม วินัยเป็นจุดแข็งของชั้น ชั้นรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้จมจ่อมกับอารมณ์เบื่อ จะไปกันใหญ่

Comments