การได้รับการมองเห็น

ชั้นจัดค่าย... ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดีเพราะทำหลายสิ่ง คืนสุดท้ายก่อนกลับ เรานั่งล้อมวง จุดเทียน สลับกันมานั่งตรงกลางวง แล้วให้คนรอบๆ พูดถึงคนตรงกลาง เด็กเงียบๆ คนหนึ่งพูดถึงฉันว่า "ชอบที่อาจารย์เรียกทุกคนด้วยชื่อเล่น จำชื่อนิสิตทุกคนได้" ชั้นก็.. เห้ย.. การจำชื่อได้แล้วเรียกเค้าด้วยชื่อเค้ามี Impact ขนาดนั้นเลยเหรอ

ก่อนหน้านี้ เด็กคนนี้ก็พูดถึงตัวเอง พูดถึงการมีตัวตนในห้องเรียน ในกลุ่มเพื่อน เค้าโหยหาการมีตัวตน ซึ่งตอนแรกที่ชั้นได้ยิน รู้สึกย้อนแย้งเพราะเจ้าตัวเงียบมากๆ ไม่ค่อยพูด ถ้าพูดก็พูดเสียงเบา  จากที่เค้าพูดถึงความต้องการของเค้า ชั้นได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าเด็กจะชอบแสดงออกในห้องหรือไม่ ครูต้องจัดสรรพื้นที่ให้ทุกคนได้พูด หรืออย่างน้อย ได้มีตัวตน ได้รับการมองเห็น

สำหรับเด็กคนนี้ เหตุการณ์ที่ Trigger ให้เค้าเข้าถ้ำในช่วงเรียนปริญญาตรี ไม่ Hang out กับเพื่อนๆ ในรุ่นอย่างที่เคยเป็นในช่วงปี ๑-๒ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในกลุ่ม เค้าเห็นว่าเพื่อนถูก Treated unfairly.  ชั้นก็เลย.. เฮ้อ.. บางทีชีวิตถูกผลักออกจากเส้นทางที่ตั้งใจด้วยเรื่องที่ดูเหมือนเล็กน้อย

การไปค่ายครั้งนี้ ชั้นรู้สึกได้รับความรักมากมาย จนอิ่ม กลับมาก็ไม่ได้โหยหาสิ่งนี้จากคนที่เราเคยโคตรอินก่อนไป แค่ ๓ วันเอาอยู่ ชั้นก็ยังชอบอยู่แต่ Intensity น้อยลงไปมาก ใจเป็นกลางมากขึ้น ไม่สุดโต่งอย่างเคย  เด็กคนหนึ่งในค่ายอ่านเราออกว่าเราเป็นคนสุดโต่ง คือ ทำอะไรก็ทำจนสุด ทำครึ่งๆ กลางๆ ไม่เป็น ถ้าเป็นเพลง ก็ฟังซ้ำๆ จนเบื่อแล้วไม่ฟังอีกเลย พูดง่ายๆ คือ ชั้นไม่รู้จักความพอดี

Photo Credit: วิชัย
การทำอะไรสุดโต่ง เป็นกระทิง มันดีตรงไม่มีอะไรติดค้าง เป็นสายเคลียร์ เมื่อวานใน Workshop เค้าให้เขียนเหตุการณ์ Feedback ที่เราเคยเห็น เคยทำ หรือเคยได้ยิน  ชั้นคิดไม่ออกว่าเคยถูกกระทำแรงๆ เมื่อใด มีแต่ไปทำคนอื่น

ในธีมของการได้รับการมองเห็น ความต้องการด้านความรักของชั้นได้รับการดูแลจากเด็กๆ จากป่า มันเต็มและไม่หิว at least for now.

เมื่อวาน ชั้นเข้า Feedback workshop สำหรับอาจารย์ ถ้าเราเห็นเด็ก เห็นตัวเองจริงๆ การให้ Feedback ของเราจะเอื้อต่อการเติบโตของเค้า มากกว่าที่จะไปทำให้เสียความรู้สึก

Comments