Mavericks

ชอบคำว่า Maverick.  Campbell บอกว่าฮีไม่ใช่ Hero แต่เป็น Maverick

ความทุกข์ลดลงไหมเมื่อได้พูดมันออกมา เอามันออกมาอยู่ในที่แจ้ง เริ่มไม่แปลกใจที่มีโลกนี้และโลกหน้า บาดแผลบางอย่างที่เกิดเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ถ้ามันรุนแรงและไม่ได้รับการไว้อาลัย มันก็คงยังอยู่ตรงนั้น ปล่อยหนองออกมาทำให้ชีวิต อารมณ์ บิดเบี้ยวไปในรูปแบบต่างๆ

ฉันมาเรียน The Living Myth ที่สอนโดยพี่ณัฐ ที่วัชรสิทธา หลักๆ ที่มาก็เพราะชี่นชมครู ชอบหัวข้อรองลงมา พี่ณัฐใช้เนื้อหาของ Joseph Campbell ที่พูดในสารคดี The Power of Myth เป็นหลัก มีหนังสือ Pathway to Bliss ประกอบ

คนที่มาก็หลากหลายมาก อายุ อาชีพ ความสนใจ มีบางคนไม่รู้เรื่อง Myth or Joseph Campbell อะไรเลย แต่โดนแฟนลากมาก็มี

ชั้นมักได้พบคน "แปลกๆ" ที่ workshop พวกนี้ จนคิดว่าตัวเองน่าจะไม่ "ธรรมดา" เหมือนกัน

วันแรกตอนเช้าพี่ณัฐ Lecture ยาว ซึ่งชั้นพลาดเพราะติดประชุม ตอนบ่ายดูสารคดีแล้วคุยกัน ชั้นเฉยๆ เพราะเคยดูสารคดีมาแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าการเข้าใจเรื่อง Myth เพิ่มความลึกลับในชีวิตชั้น ทำให้ชั้นชื่นชมพิธีกรรม ความปราศจากโลจิกของบางสิ่งใกล้ตัว เช่น การสะเดาะเคราะห์ การเปลี่ยนชื่อหรือเบอร์โทรศัพท์ การตีความฝันเป็นตัวเลข

วันที่สองตอนเช้า ให้เรา Explore พลังงานในห้อง หาจุดที่เรารู้สึกอยากอยู่ ฮีบอกให้เราใช้ Sense เหมือนสัตว์ ลองไม่ใช้สมองดู เลือกท่าที่เราอยากจะอยู่  ชั้นเลือกนั่งก่อน นั่งไปซักพักแล้วรู้สึกเออ.. เมื่อยกว่าที่คิด ก็เลยนอน นอนท่าศพแบบโยคะ พี่ณัฐให้นึกถึงสัตว์ว่าเราเป็นอะไร ชั้นนึกถึงก้อนหิน แล้วก็คิดว่า อืม อยู่นิ่งๆ นี่สบายดี นี่คงเป็นสิ่งที่เราต้องการช่วงนี้

ปกติชั้นเป็นคนไฮเปอร์และชอบ Multi-task มากๆ แต่งหน้า ขับรถ ฟัง Audio book ไปพร้อมกัน แต่ยังไม่ถึงเดินอ่านมือถือ  ชั้นคิดว่าร่างกายและจิตใจมันคงอยากจะข้าลง อยากจะนิ่ง แกช่วยทำอะไรทีละอย่าง

พี่ณัฐให้วาดรูป ถึงแม้ว่าชั้นจะพูดว่าก้อนหิน แต่ตอนวาดรูปก็เป็นภูเขาเลย มั่นใจแบบวาดสโตรกเดียวอยู่ ใช้สีแดงอีก (ไม่ได้ตั้งใจเลือก จักรวาลจัดสรร หยิบๆ มา) บางทีชั้นก็หมั่นไส้ตัวเอง ไม่ต้องมั่นใจมากก็ได้

คำพูดบอกว่ารู้สึกอยากเป็นก้อนหิน แต่ลึกๆ ชั้นอยากเป็นภูเขา สีแดงอีกต่างหาก ฮีให้เขียนคำ ชั้นเขียนว่า Stillness.  It is what it is.  สันดานอีกอย่างของชั้นคือไม่ค่อยจำนน และ Automatically rebel เมื่อถูกบังคับ เหมือนกดปุ่มต่อต้านทันที  บางทีชั้นอยากเป็นพวก "อะไรก็ได้"

ฮีให้จับคู่แชร์รูปวาดของเรากับเพื่อน ว่ามันสะท้อนคุณภาพอะไร หรือเงาอะไรในตัวเรา  สิ่งที่ชั้นเขียนข้างบน บางอย่างก็ได้จากการคุย ชั้นไม่รู้สึกว่าก้อนหินของชั้นเป็นภูเขาจนกระทั่งเพื่อนทัก การคุยทำให้ชั้นรู้สึกว่า Image ภูเขาก็สะท้อนนิสัยที่ชั้นชอบและพยายามสั่งสมในตัวเองคือความหนักแน่น มั่นคง

ชั้นมองว่าการวาดก้อนหินจนเป็นภูเขาสะท้อนว่าชั้นไม่อยากทำอะไรใหญ่ๆ แต่ลึกๆ Soul ชั้นคงรู้ว่าทำได้และอยากให้ตัวเองทำ

ตอนเที่ยง ได้ตามพี่อ้อยและพี่ณัฐคุยงานกันตอนกินข้าว  ชั้นชอบทักษะการเล่าเรื่องของพี่อ้อย นางอ่านหนังสือเยอะและมีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน  นางสามารถสื่อสารกับต้นไม้และสัตว์ได้ ชั้นไม่มีเซ็นส์พวกนี้ แต่เชื่อว่ามี มันเป็น Energy fields ชั้นอยากมีทักษะเช่นนั้นบ้าง คิดว่าฝึกได้ แต่ยังไม่ได้สนใจขนาดจะฝึก  ชอบตอนนางเล่าเรื่อง Embody ความเป็นนกฮุก ทำให้เดินยังกับร่อน Gliding! ส่วนพี่ณัฐก็บอกว่าเมื่อ Embody ความเป็นเสือซีต้าทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น ฟังถึงจุดนี้แล้วชั้นก็อื้ม...ชั้นอยู่ท่ามกลางคนล้ำๆ จริงๆ  ไม่ต้องซื้อรองเท้าวิ่งแพงๆ Just imagine yourself being a cheetah and you will run faster.  Reprogram yourself!

ตอนบ่าย พี่ณัฐพูดเรื่อง Up Journey, Down Journey and Middle Journey จัดวงใหญ่ให้แชร์ ชั้นรู้สีกเป็นเกียรติมากที่ได้ยินเรื่องส่วนตัวมากๆ ของคนสองคนในวง  เค้าน่าจะเชื่อมั่นในพื้นที่นี้มากจนเล่า นอกเหนือจากมีความกรุณาและความกล้าหาญที่แบ่งปัน  คนเล่าก็หน้าตาดูเป็นคนดี ไม่ได้แต่งตัวแปลกๆ หรือมีรอยสัก หน้ายิ้มๆ  เรื่องที่เล่า Extraordinary หรือมันอาจจะ ordinary on a human scale ก็ได้ ฟังแล้วรู้สึกความทุกข์มันสากล Sufferings are universal and common.  พวกเราในห้องน่าจะเป็น container ที่ดี

ตอนท้าย พี่ให้เลือกจับคู่คนที่เราดึงดูดหรือผลัก ให้เล่าเรื่องมังกรของเรา มังกรคือความกลัวหรือสิ่งที่ขังเราไว้ ไม่ให้เราเป็นอิสระ เช่น Perfectionism, ความไม่อยากล้มเหลวของชั้น  แล้วก็เล่าว่าคิดว่ามังกรรักษาสมบัติอะไรให้เรา ของชั้นเป็นความสบาย ความไม่อยากจะติดต่อกับมนุษย์  คือ งานที่ชั้นกำลังทำและอยากทำให้มากขึ้นเรียกร้องให้ชั้นต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายในมหาลัย ซึ่งการติดต่อกับมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ชั้นชอบทำถ้าเลือกได้

ตอนชั้นเล่าเรื่องของชั้น มีเวลา ก็เล่าตั้งแต่ตอนเริ่มเดินทาง คือ ตอนไปเมืองนอก จนกระทั่งกลับมาตอนนี้ ก็เล่าด้วยความสดใหม่ เหมือนความสัมพันธ์ของชั้นต่อเรื่องของชั้นเปลี่ยนไป ชั้นชอบที่ได้ทบทวนเรื่องราว ได้พบว่าน้องคนหนึ่งในวงก็มีเส้นทางคล้ายเรามาก

ในแง่ร่างกาย รู้สึกบางอย่างมันถูกปล่อยออกมาจากการได้ฟังเรื่องคนอื่น เหนื่อยเหมือนไปวิ่งมา ไม่ค่อยหิวเพราะคงอิ่มจากสิ่งอื่น

พรุ่งนี้เหลืออีกวัน

Comments