Back to the USA

Cape Cod
อัลบั้มรูปที่ถ่ายแล้วโพส

ชั้นมาอเมริกางวดนี้โดยไม่ได้ตั้งใจมาก มีวีซ่าพร้อม ตั๋วเครื่องบินไม่แพง มีบ้านพ่อของเพื่อนอยู่นิวยอร์ก ก็เลยมา จริงๆ การมาแบบไม่ตั้งใจมากก็ผ่อนคลายไปอีกแบบ ชั้นชวนเพื่อนสนิทมาด้วย มากันสองคน

ชั้นอยู่อเมริกาและแคนาดาประมาณ 11 ปี นานมากพอที่ทวีปนี้จะเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง แรกๆ กลับไปไทย ก็อยู่ยากมาก ระดับที่ต้องดิ้นรนกลับมาทำวิจัยหลังป.เอกที่แคนาดา  พออยู่ไทยไปนานๆ ก็ชิน ไม่ได้คิดว่าที่ไหนดีกว่าที่ไหน มีบางอย่างที่เราชอบมากๆ ในอเมริกา และมีหลายอย่างที่เราชอบมากที่เมืองไทย ที่ปฎิเสธไม่ได้คือชั้นอยู่อย่างคุณนายมากที่ไทย แต่ถ้าอยู่ที่เมกา ก็ต้องทำหลายๆ อย่างด้วยตัวเอง และคงไม่ได้นวดตัว ทำเล็บ อย่างที่ทำๆ อยู่

การอยู่เมืองนอกนานในช่วงที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ทำให้ชั้นรู้สึกว่าชั้นเป็นคนนอกตลอดเวลา อยู่เมกา เราก็เป็นคนนอกแน่นอนเพราะมาจากไทย กลับมาไทย ชั้นก็ประหลาดอีกเพราะคิดไม่เหมือนชาวบ้าน เราไม่ได้รู้สึกดีหรือแย่ที่ไม่เหมือน แค่รู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองคิดอาจจะไม่ใช่มาตรฐาน ชั้นแค่คิดว่าการไปอยู่ตปท.นานๆ คงเตรียมชั้นสำหรับอะไรบางอย่าง

St. George's School
คราวนี้ได้ไปเยี่ยมโรงเรียนประจำที่ไปอยู่ปีแรก รู้สึกว่าปีนั้นที่มานานมาแล้วในความทรงจำ การได้มาสถานที่ๆ เราเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ได้เล่าให้คนอื่นฟังว่ารู้สีกยังไง ทำให้ได้ทบทวนตัวเอง เหมือนเราอายุ ๖๐ กำลังจะเกษียณ ที่อัศจรรย์คือมันเป็นที่ๆ สวยมาก แต่เรากำลังทุกข์อยู่ ก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกว่ามันดีงามยังไง

จริงๆ ชีวิตกำลังพลิกผันอีกในช่วงนี้ ทั้งในแง่การงาน ความสัมพันธ์ และจิตวิญญาณ

ไม่ได้มาที่อเมริกาประมาณ 12 ปีได้ เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากที่ไทย  ชั้นเป็นวิศวกรอุตสาหการ สนใจในเรื่องความมีประสิทธิภาพ การใช้คน การใช้เครื่องจักร อเมริกาเป็นประเทศที่โคตรมีประสิทธิภาพ เอาแค่ร้าน Starbucks ที่ไทยกับที่เมกา ที่ไทย ร้านที่ไม่ค่อยยุ่ง เช่น ในมก. ใช้คนอย่างน้อย ๔ คน แคชเชียร์ ๒, บาริสต้า ๒ แต่บางสาขาที่เมกา ใช้คนแค่ ๒-๓ คน คนนึงรับออร์เดอร์ อีกคนทำกาแฟ ดูการเคลื่อนไหวของคนเมกัน ทำอะไรเร็วกว่า และลูกค้ายอมที่จะรอ ร้านค้าอื่นๆ ก็ใช้คนน้อย เราไม่ได้บอกว่าความชิลล์ไม่ดี มันก็มีที่ทางของมัน ปัจจัยที่สำคัญคือค่าแรงขั้นต่ำของเค้าชั่วโมงละ 500 บาท

ความที่ค่าแรงแพง เค้าจะใช้คนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แรงงานคนมีค่ากว่าของ  เราพักโรงแรมสองที่ๆ เป็นเชน มีอาหารเช้า ทั้งสองที่ใช้ช้อน ส้อม มีด พลาสติก แก้วน้ำกระดาษสำหรับกาแฟ และแก้วพลาสติกสำหรับเครื่องดี่มเย็น ที่หนึ่งใช้จานชามกระดาษ อีกที่มีวางให้ใช้เผื่อจานกระเบื้องหมด  ชั้นเห็นแล้วก็รู้สึกใจหายที่เราใช้ทรัพยากรเปลืองมากในการกินข้าวเช้า และชั้นรู้สึกว่าการกินกับจานกระเบื้อง ช้อนสแตนเลสให้ความรู้สึกว่ากินจริงๆ มากกว่า
Georgia O'Keefe 

สิ่งที่ชั้นชื่นชมคือเรื่องน้ำดี่ม เค้ามีน้ำดื่มใส่ขวดพลาสติกขาย แต่น้ำก๊อกก็กินได้ ตามร้านอาหาร ถ้าเราสั่งน้ำเปล่า (Water) ก็จะได้น้ำก๊อกใส่แก้วมาให้ บางทีก็มีเลมอนผ่าซีก ชั้นว่าประหยัดเงินและไม่เปลืองพลาสติกดี

อยู่อเมริกา ถ้าไม่มีบัตรเครดิตชีวิตจะลำบาก ที่จอดรถข้างถนนบางที่ในเขตเมืองคิดค่าจอดแบบมิเตอร์ บางเครื่องรับเงินสด รุ่นดั้งเดิมรับแต่เหรียญ รุ่นใหม่ๆ รับบัตรเครดิตด้วย  ตอนเราซื้อตั๋วรถไฟ ก็ใช้บัตรเครดิตได้  ถ้าใครอยากนิรนาม ค้นหาร่องรอยการใช้เงินไม่เจอ จะเริ่มอยู่ยากละ

ความปลอดภัยทางถนนที่เมกาก็ดีมากๆ เค้าให้ความสำคัญกับคนเดินเท้ามากกว่ารถยนต์  ถ้าเป็นทางม้าลาย รถต้องหยุดให้คนเดิน เป็นกฎหมาย เพื่อนชั้นบอกว่าคนเมกันก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ดูรถก็ได้  ถ้าเป็นกรุงเทพ ก็อย่างที่รู้กันว่าเดินบนฟุตบาท ยังต้องระวังเลย  ตอนชั้นกลับมาใหม่ๆ เคยเกือบถูกรถชน เพราะลืมตัว เห็นทางม้าลายแล้วจะข้ามเลย

ป้าย Stop ก็เหมือนกัน รถต้องหยุดจริงๆ

ในภาพรวมคือคนเมกันให้ความสำคัญกับกฎ ให้เกียรติกฏกติกาว่าเป็นกฎกติกา จริงจังให้ทำตาม ชั้นคิดว่ามันเป็นตัวเบรคความอิสระเสรีที่เค้ามี เช่น ในรถไฟใต้ดิน บางคนคุยเหมือนกับอยู่บ้าน กินข้าวก็ได้ บนถนน จะถอดเสิ้อเดินก็ได้ ชั้นรู้สึกว่าพอชั้นกลับมาไทย เริ่มเสียนิสัย เริ่มคิดว่ากฎทุกกฎมีข้อยกเว้น

สิ่งที่ทำให้เศร้าคือคนเร่ร่อนในเมืองใหญ่ ที่ไทย เค้านั่งอยู่เฉยๆ มีกระบอกอยู่ตรงหน้า แต่ที่เมกา บางคนขอในรถไฟ บางคนเดินมาขอ มันรู้สึกแย่กว่าเวลาเราไม่ให้ ชั้นว่าถ้าเราต้องเจอแบบนี้ทุกวันมันคงทำให้ความเมตตาตายด้าน

ในเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก บอสตัน มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มาก หลายสีผิว ของเราผิวสีเหลืองเหมือนกัน ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกจากกันมากนัก นอกจากเวลาพูดหรือจากการแต่งกาย

Cape Cod
สองอย่างที่คิดถึงมากๆ ตอนที่อยู่ไทยคือพิพิธภัณฑ์และอุทยานแห่งชาติ  พิพิธภัณฑ์ที่นิวยอร์กและดีซีมันดีงาม ครบทุกสิ่งมากๆ  ส่วนอุทยานแห่งชาติหรือสวนของรัฐก็เดินเองได้ ง่าย  ปลอดภัย

อีกอย่างที่คราวนี้ไปแล้วได้รำลึกถึงคืออาหาร เช่น บลูเบอรี่ แนคทารีน พีช ที่เมืองไทยมีขายแต่แพงมาก  สโคน เบเกิล คอร์นเบรด อาหารบรรจุภัณฑ์ใหญ่ๆ เช่น โยเกริ์ตแกลลอน

เมื่ออดีต เวลาเที่ยว ต้องเปิดแผนที่ดู กางกันวุ่นวายมาก งวดนี้ชั้นซื้อซิมของเมกัน เปิด Google map สะดวกมากๆ หาข้อมูลอย่างอื่นได้ด้วย ทำให้ไม่ต้องวางแผนเป๊ะมาก ปรับแผนได้เรื่อยๆ เพราะเปิดดูข้อมูลได้ตลอดเวลา

การมีเน็ตอยู่ตลอดเวลาทำให้อัพรูปได้ง่าย ระหว่างรออาหารมา ก็นั่งเขียนไป เพื่อนถามว่าทำไมงวดนี้โพสเยอะ เหตุผลง่ายๆ คือเพราะมีเน็ต และโพสแล้วมีคนชอบ

ขณะนี้กลับมาได้วันที่สอง กำลังชดใช้กรรมด้วยการปรับเวลาเพราะ Jet lag และต้องทำรายงานที่น่าเบื่อมากๆ

Comments

Unknown said…
ชอบอ่านมากค่ะ