The British Museum หนึ่งในดวงใจ

​The British Museum เป็นพิพิธภัณฑ์อันดับหนึ่งในดวงใจตอนนี้ อยู่ได้ทั้้งวัน ถ้าไม่เมื่อยเสียก่อนคงอยู่ได้เรื่อยๆ

ที่นี่เค้าเก็บโบราณวัตถุเป็นหลัก ที่มีเยอะขนาดนี้เป็นเพราะอังกฤษเคยมีอาณานิคมมาก กวาดมาตอนไปปักหลัก แต่ก็คิดว่ามันช่วยมากด้วยที่อังกฤษเป็นประเทศที่มีการศึกษา เห็นค่าของๆ พวกนี้ ที่ขำคือช่วงนี้เค้ามีนิทรรศการเล็กๆ เรื่องศาสนาพุทธและลัทธิความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับพุทธในไทยและพม่า เค้าก็เอาพวกเสื้อยันต์ อุปกรณ์สักยันต์ นิตยสารธรรมะของครูบาศรีวิชัย รูปถ่ายท่านพุทธทาส ขนาดซีดีธรรมะยังมี นอกจากแสดงโบราณวัตถุ เช่น พระพุทธรูป พระพุทธบาท เครื่องใช้ของสงฆ์ มีภาพวาดจากไทยอายุ ๑๐๐ กว่าปีด้วย หญิงชอบที่เค้าเก็บเล็กเก็บน้อยดี ไม่จำเป็นต้องเป็นโบราณวัตถเสมอไป มีคำอธิบายประกอบด้วย

หญิงเลือกดูนิทรรศการหลักๆ ตอนนี้มีสามอันแต่ดูสอง เค้าคิดเงินถ้าเข้าดู แต่ถ้ามาดูของที่มีอยู่แล้ว ก็ฟรี อันแรกชื่อ "๕๐ ปีที่เปลี่ยนจีน" แสดงโบราณวัตถุราชวงศ์หมิง ซึ่งแทบไม่เคยถูกนำออกนอกประเทศ ก่อนเข้าเลยถูกค้นกระเป๋า ของที่ชอบที่สุดคือชุดของกษัตริย์ เป็นไหมที่อายุ ๖๐๐ ปี ซึดจนขาว ยังเป็นชุดสมบูรณ์อยู่เลย แล้วก็มีแจกันใบโตๆ ที่เอาไว้ตกแต่ง สวยเด่นที่สีสัน เป็นยุคที่มีการค้าขายกับต่างประเทศมาก เค้าจัดแสดงของที่ส่งไปเป็นของขวัญ และของที่จีนได้รับเป็นของขวัญ มีอยู่อันเป็นผ้าไหมที่ตกแต่งผนัง สวย สมบูรณ์มาก อายุ ๕๐๐ กว่าปี เค้าบอกว่าชนชั้นปกครองต้องเก่งกู่เจิ้ง เก่งหมากล้อม เก่งเขียนพู่กัน เก่งถกเถียงวรรณคดีจีน กษัตริย์จีนทุกองค์วาดรูปได้ เราก็โห..เป็นกษัตริย์จีนนี่ยากจัง แต่ก็แอบคิดว่าให้คนอื่นวาดให้แล้วบอกว่าวาดเองก็ได้มั้ง เค้าพูดถึงความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์หมิงที่มีอาณาเขตกว้างมาก เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น ทหารล้านคน ใช้การปกครองแบบส่งเจ้าชายไปดูแลมณฑลต่างๆ

ส่วนอีกนิทรรศการนึงเกี่ยวกับเยอรมนี หลังจากที่ Berlin wall ถูกทำลาย คนเยอรมันกลับไปดูอดีตตัวเอง โชว์นี้คนเยอะมาก ที่แคบด้วยมั้ง เริ่มด้วยการพูดถึงความเป็นเยอรมัน ว่าเดิมก็เป็นรัฐอิสระหลายๆ แห่งเชื่อมกันอย่างหลวมๆ เริ่มมีความเป็นเยอรมันชัดพอ The Holy Roman Empire ที่ปกครองพื้นที่เหล่านี้อยู้ล่มด้วยฝีมือนโปเลียน คนเยอรมันก็พยายามหาอัตลักษณ์ของตัวเอง พูดถึงแท่นพิมพ์กูเต็นเบริก ที่ทำให้มีการพิมพ์ไบเบิลของมารตินลูเทอร์อย่างแพร่หลาย แสดงไบเบิลให้ดูด้วย พิมพ์อย่างสวยงาม มีสี แล้วก็มีของจากช่วงนาซี เช่น ประตูเข้าค่ายกักกัน ซึ่งเล็กกว่าที่คิด ขนาดเข้าได้ทีละสองคน เค้าหลอกนักโทษว่าถ้าทำงานแล้วจะปล่อยไป (Work sets you free ซึ่งเป็นความเชื่อของคนเยอรมันอยู่แล้ว) แสดงธนบัตรที่นาซีใช้ คนเยอรมันก็เก่งนะ รบสงครามโลกสองครั้ง แพ้สองครั้งแต่ก็ลุกขึ้นมายืนได้ เราดูแล้วนึกถึงหนังสือ Small is beautiful ว่าสงครามเกิดขึ้นเพราะความเป็นอยู่ของมนุษย์ขัดแย้งกับธรรมชาติ คือทะเลาะกันเพราะแย่งทรัพยากร เพราะโลภไม่สิ้นสุดนั่นเอง

แล้วก็เดินดูของที่เป็นไฮไลท์ เช่น สิ่งที่ได้จากหลุมศพในอังกฤษ อายุ ๒๖๐๐ ปี มีหมวกเกราะ ชามเงิน อาวุธ กระเป๋าสตางค์ มีฝีมือ ละเอียด ดูมีอารยธรรมมากๆ เลย เค้าฝังไปพร้อมเรือ ทำให้นึกถึงพวกไวกิ้งที่มีความเชื่อแบบนี้ ต้องเป็นคนสำคัญมากๆ เช่น กษัตริย์ถึงฝังแบบนี้

คนโบราณแทบทุกที่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ว่าตายแล้วไม่สูญ ถึงทำหลุมฝังศพอย่างอลังการ มีแต่คนคริสต์ที่ไม่เชื่อละมัง จริงๆ มุสลิมด้วย แตกษัตริย์มุสลิมก็ทำหลุมศพสวยงามเหมือนกัน เช่น ทัชมาฮาล
แล้วก็มีชุดหมากรุกที่ทำจากงาของนาก ซึ่งแข็งมาก ต้องใช้โลหะแกะ น่ารักดี อายุ ๒๐๐๐ กว่าปี

แล้วก็มีแจกันแก้วสีของโรมันที่เก่าแก่ที่สุดที่เหลือ อายุ ๒๖๐๐ ปี มีลายด้วย โดนคนมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ทุบทำลายเมื่อ ๑๐๐ ปีก่อน (บ้าเปล่าเนี่ย) เค้าก็ประกอบเก่งมาก

อันที่ดังคือหินแกะสลักที่ประดับวิหารพาร์ทีนอน เค้าเรียกเล่นๆ ว่า Elgin's marbles ตามชื่อ Lord Elgin ที่ไปเอามา บอกว่าเกรงว่าจะถูกทำลายไปมากกว่านี้ เอามาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งอยู่ที่เอเธนส์ มันโดนทำลายเพราะถูกเปลี่ยนเป็นโบสถ์คริสต์แล้วก็เจอระเบิดตอนถูกใช้เป็นคลังแสง

มาดูพิพิธภัณฑ์นี้แล้วก็แอบปลงว่า ถึงอาณาจักรจะเริ่ดอลังการแค่ไหน ก็ล่มสลายอยู่ดี แอบคิดว่า ๓๐๐๐ ปี ถ้าเราอายุเฉลี่ย ๗๐ ก็จะเกิดตาย ๔๒ ครั้ง ถ้าไม่ไปติดอยู่ที่ไหนอ่ะนะ คนโบราณแต่ก่อนก็ advanced มากๆ ทำงานฝีมือละเอียดได้ เห็นแล้วทึ่งเลย

เราชอบความใจกว้างของคนอังกฤษนะ พิพิธภัณฑ์หลักๆ ในลอนดอนให้เข้าฟรี เค้าก็ตั้งกล่องให้หยอดเงินอ่ะแหละ บอกจำนวนที่ควรให้ด้วย 3-5 ปอนด์ แต่ก็แล้วแต่สมัครใจ เราว่าเค้าคงอยากให้ความรู้ อยากให้ประชาชนฉลาด ที่ British museum ก็มีนักท่องเที่ยวลากกระเป๋าเดินทางใบโตๆ เดินไปเดินมา เค้าก็ไม่ว่า ไม่กลัวจะไปโดนของๆ เค้า บางที่นี่ไม่ได้เลย ต้องฝากไว้ ขนาดเสื้อโค้ดยังไม่ให้ถือเลย กลัวเหวี่ยงไปโดนของๆ เค้า

ซื้อตั๋วรถไฟทางเน็ต แล้วไปเอาจากเครื่อง เอาบัตรเครดิตที่ใช้ซื้อไปใส่เครื่อง แล้วคีย์ # ที่จองที่ระบบให้มา เครื่องพริ้นให้เสร็จ ก็ขำอีกว่าจะลดคนไปถึงไหน แต่ที่ลอนดอนก็ไม่แย่ ตามสถานีรถไฟก็มีคนให้ถาม มีบางประเทศในยุโรปที่เราไม่ค่อยเห็นมนุษย์เลยก็มี

Comments