งานเสวนา กล้าที่จะสอน จิตวิญญาณของครู

รูปแบบของการเสวนานี้เป็น Panel discussion มีองค์ปาฐก 5 คน และ Facilitator 2 คน องค์ปาฐกเป็นอาจารย์มหาลัย ๔ คน ยกเว้นคุณก๋วย ที่ทำกลุ่มละครมะขามป้อม Facilitator เป็นครูที่อยู่ในศูนย์จินตปัญญาเอง

ส่วนตัวแล้ว ฉันมาหาแรงบันดาลใจของความเป็นครูมากกว่า เรารู้สึกว่าอินเตอร์เน็ตมันทำหน้าที่ให้ความรู้ได้ดีมากๆ แล้วครูจะมีหน้าที่อะไร บทบาทอย่างไรในยุคนี้

Speaker คนแรกเป็น"ครูของครู" ศ.สุมน อมรวิวัฒน์ เคยอยู่คณะครุ จุฬา ตอนนี้เกษียณ อ.สุมนมีเมตตาสูงมาก สูงจนสัมผัสได้ แกเป็นคนแก่ที่น่ารัก ดูไม่เชย ชอบที่แกพูดว่า เราต้องยอมรับว่าสมัยนี้ไม่เหมือนกับสมัยที่เราโตมาอีกแล้ว ครูต้องยอมรับให้ได้ แกบอกว่าครูจะต้องเห็นนักเรียนเป็นปัจเจก ต้องรู้จักนักเรียนทุกคน ครูต้องเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะผู้เล่าทุกคนมีเหตุผลในการเล่า ฉันก็มักจะชอบจับประเด็นเสียจนไม่ตั้งใจฟัง แกบอกว่าแกมีความสุขที่ได้ไปสอน และว่านศ.จำเนื้อหาที่เรียนไม่ได้หรอก แต่สิ่งที่ได้คือต้นทุนอย่างอื่น เช่น ศีลธรรม ไม่มีนักเรียนคนไหนที่ไม่อยากจะได้ A ทุกคนอยากฉลาด ทุกคนอยากเก่งทั้งนั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่หญิงไม่เคยนึกถึง เรามักคิดว่าเด็กไม่เก่งคือเด็กขี้เกียจ

Speaker คนที่สองเป็นอ.อยู่คณะครุที่เดียวกัน ท่าทางแรง แกเล่าว่าตอนที่แกแรงๆ คอยจับผิดคนอื่นว่าผิดทางวิชาการแค่ไหนในการประชุมวิชาการ อ.สุมนเคยดึงมาเตือนแบบนิ่มๆ ว่า "สิ่งที่อาจารย์พูดมีสาระมากเลยนะ แต่สังเกตไม๊ว่าไม่มีใครฟัง" ประเด็นของอ.สุมนคือท่าทีในการพูดสำคัญกว่าเนื้อหาที่พูด; อ.ผู้ชายคนนี้บอกว่าถ้าวิชาที่สอนไม่ได้ทำให้สังคมดีขึ้น แกก็ไม่เห็นประโยชน์ของวิชาเหล่านั้น

Speaker คนที่สามเป็นอ.ภาคภาษาอังกฤษ มช. แกดู Hyper มาก ขนาดเกษียณแล้วก็ดู Hyper ชอบที่แกเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ พ่อพาไปเที่ยวน้ำตก แกอยู่ในน้ำ รู้สึกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและเวลาหยุดนิ่ง หญิงก็คิด..นี่มันนิพพานนะนี่ อ.บอกว่าแกสนใจเด็กที่เรียนไม่เก่ง เพราะเด็กเรียนเก่งนั้นไงๆ ก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แกให้เด็กทำงานกลุ่มเสมอไม่ว่าคลาสจะใหญ่แค่ไหน งานละครของนศ.ก็ให้นศ.ไปดึงเพื่อนๆ มาช่วยกัน

คนที่สี่จบครุ CU เค้าบอกว่าเค้ารู้ว่าอยากเป็นสองอย่าง คือ ครูกับคนทำละคร ตอนนี้ทำกิจกรรมหุ่นกระบอกและละครสำหรับเด็ก ประสบการณ์เปิดโลกทัศน์ของเค้าคือตอนที่เค้าเป็นนิสิตแล้วไปออกค่ายที่รร.หมู่บ้านเด็ก เจอเด็ก ๔ ขวบชี้หน้าด่าคำหยาบ แกอึ้งไปเลย ด้วยความที่มาจากชนชั้นกลาง "โลกสวย" มาก่อนก็มีมายาคติเกี่ยวกับเด็ก แกได้เจอเด็กแก้ผ้าโดดน้ำที่เชี่ยวกราก เด็กก็พยายามว่ายๆ เหมือนปลา แกก็พบว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้เอง แกเลยรู้สึกว่าการทำงานของแกก็มีการเรียนรู้จากของจริง Work บ้าง ไม่ Work บ้าง ชอบที่เค้าบอกว่า KPI ของเค้าดูได้ที่ตาของเด็ก เดิมฉันสอนโดยไม่ดูหน้านิสิตเลย มองกำแพงหลังห้องแทน...

คนที่ห้าชื่อเอเชีย เป็นคนหนึ่งใน New heart new world วีดีโอ เค้า Positive และมีพลังงานสูงมาก เรียนตรีโทเอกที USA ทำปริญญาเอกเรื่องวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้ เคยสอนที่คณะวิทยฯ มหิดล ตอนนี้ออกมาทำธนาคารจิตอาสา เพราะรู้สึกว่าพวกมูลนิธิ/จิตอาสา มี Passion ในสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ขาดองค์ความรู้บางอย่างและไม่มีเงิน อ.เอเชียพูดถึงคลาสที่ตัวเองสอน Technology and Nature หรืออะไรประมาณนี้ เป็นวิชาวิทยาศาสตร์ นศ. ๒๐๐ คน แกไม่ได้ลงรายละเอียดว่าทำอย่างไร แต่เค้าให้เด็ก feedback กลับมาเป็นกระดาษทุกคาบ เด็กอ่านหนังสือเกินกว่าที่ครูสอน พูดง่ายๆ ว่าแกทำให้นศ.อินกับวิชาที่เรียนได้ ในภาพรวม ฉันรู้สึกว่าได้พลัง เหมือนเวลาเราไปฟังครูบาอาจารย์เทศน์ คนที่เค้าเก่งหรือมี passion ในเรื่องที่ตัวเองทำมันมีพลังน่ะ ฉันก็รู้สึกว่าเรามาถูกทาง ยังทำไม่ได้เท่าอาจารย์พวกนี้แต่ก็พยายามพัฒนาอยู่ ได้ทัศนคติและแนวคิดเวลาไปฟัง

Comments