มองเรื่องบุญ

ฉันมีลูกน้องที่ทำงานให้กิจการที่บ้าน ช่วงที่ผ่านมาค่าครองชีพสูง ก็เลยอยากสนับสนุนให้พวกเค้าทำกับข้าวกินเอง ก็เลยใช้เงินค่าที่เราปรับลูกค้า เช่น เลี้ยงหมา หรือลีมกุญแจ บวกกับเงินฉันหรือเงินที่บ้าน เพื่อซื้อข้าวสารแจกพวกเค้า ทำมาได้หลายเดือน

ปรากฎว่าวันนี้มีเหตุ คือ ลูกน้องหนึ่งคนไม่ได้ คนที่เดือดร้อนเป็นตัวภรรยาซึ่งก็เป็นลูกน้องเหมือนกัน  ก็โทรมาถาม เราก็คิดไว้เหมือนกันว่านี่อาจเป็นประเด็น ก็เลยไม่แปลกใจ  แต่ก็สวนไปด้วยความหงุดหงิดจากสันดานเดิมว่า อ้าว..ที่ให้นี่ไม่ได้เกี่ยวกับบริษัท  ไม่ขอบคุณแล้วยังมาต่อว่าอีกเหรอ  ลูกน้องก็สะอีกไป แล้วเริ่มรู้สึกตัว ก็ขอโทษ ฉันก็แก้ปัญหาให้ ก็จบไป

ความรู้สึกแรกคือเซ็ง... ทำไมทำดีมันยุ่งจังวะ  โดยเฉพาะทำกับคนใกล้ตัว  ถ้าทำกับมูลนิธิอะไรสักอย่างนี่ง่าย แค่โอนตังค์ก็จบ แถมได้ใบเสร็จมาหักภาษีอีก  แต่ทำกับคนใกล้ตัวนี่ ตอนได้ก็เฉยๆ แต่ไม่ได้แล้วเป็นเรื่อง ก็เลยอืม..นะ  ก็ดี เราจะได้ไม่บ้าบุญมากนัก

จริงๆ ฉันเองไม่ได้หวังบุญแบบที่บางคนทำบุญเพื่อให้เฮง แต่เราทำเพราะเรารู้สึกว่าเราทำได้ และเรามีโอกาสที่ดีกว่าคนในสังคมมาก ควรแบ่งให้คนอื่นบ้าง  พระอาจารย์บอกว่า ทำบุญเพื่อลดอัตตา ลดกิเลส  พอฉันไม่เห็นว่าการทำประโยชน์เป็นบุญ ฉันก็เลยไม่พอใจเวลาถูกตำหนิ มี feedback  แต่ถ้ามองว่าทำบุญเพื่อลดอัตตา พอโดน feedback กลับมา ก็จะเป็นโอกาสได้ลดอัตตานั่นเอง  ก็ดี มี something to work on...

อีกเรื่องคือการรับข้อมูลข่าวสารจากคนใกล้ตัวไกลตัว  ท่านบอกว่าพอมีสติ จะจับเรื่องจริงเท็จได้ดีขึ้น  เครื่องรับมันดีขึ้น  ของเราๆ พบว่าเราไวกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นเวลาสนทนา เช่น พอถูก comment ต่อหน้าแล้วอยากแก้ตัว พอรู้ว่าอยากแก้ตัว ก็ถามตัวเองว่าแล้วเราจะทำไปทำไม เราอาจจะเป็นอย่างที่เค้าว่าจริงๆ ก็ได้  พอคิดว่าตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ก็สงบไป ไม่ต้องแถลงก็ได้  เปลี่ยนแล้วคนก็เห็นเอง



Comments