ออสโลแบบไวกิ้ง

เรือไวกิ้งอายุ ๑๒๐๐ ปี
ขุดไม่นานแต่ซ่อมนานมาก
วันนี้ลื่นล้มจริงๆ ดังตาดหมาย เดินดูบ้านที่เค้ารื้อมาจัดแสดงที่ Norwegian Folk Museum บางหลังเป็นบ้านชาวนา อายุ ๒๐๐ กว่าปี เป็นยุ้งฉาง เป็นโรงนา มีหลังหนึ่งสวยมาก เราเดินมาเห็นแล้วตะลึง โห..สวยจังเลย ป๊าบ! ลื่นก้นกระแทกพื้น แต่ก็ไม่เจ็บมากหรอก ทำท่าจะลื่นหลายครั้ง ลืนแค่หนเดียวนับว่าโอเคมาก

วันนี้พอใจกับ Museum ทั้งหลายที่ได้ไป เทียบกับ Stockholm และ Helsinki พิพิธภัณฑ์ที่นี่น่าสนใจกว่ามาก เค้าให้ความสำคัญและคิดค่าเข้าถูกมาก ฉันใช้ Oslo pass ที่ซื้อเป็นตั๋วรวมมา เข้าฟรีหมดและขึ้นรถฟรี

วันนี้ไป Viking Ship Museum เพราะเปิดก่อน มีเรือไวกิ้งอายุ ๑๒๐๐ ปีที่เค้าขุดเจอ ๓ ลำ เรือสวยมาก สง่างามแบบบอกไม่ถูก คือมันดูพลิ้วมากๆ ได้สัดส่วน เหมือนเป็นงานศิลปะน่ะ ไม่ใช่เทอะทะพอให้ลอยน้ำได้ อัศจรรย์ที่เค้ามีฝีมือช่างและวิศวกรรมขนาดนั้น เรือ ๓ ลำนี้ถูกใช้เป็นหลุมฝังศพ อันหนึ่งเป็นของพระราชินี เรือแกะสลักสวยงาม ไม่เน้นใช้งาน ลำที่สองเป็นของหัวหน้าเผ่าที่ตายในสงคราม เป็นเรือใช้งานจริงจัง เค้ามีความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย (ศาสนาคริสต์ยังไม่เข้ามา) เลยฝังของใช้ เครื่องครัว มีกระทั่งอาหาร เช่น แอปเปิ้ลหรือแป้ง ฝังม้า (โดนฟาดหัวให้ตาย) ไปหลายตัว ของหัวหน้าเผ่านี่ส่งม้าไปด้วย ๑๖ ตัวแน่ะ ของที่ฝังไปบางอย่างเป็นของขวัญจากคนเป็น เช่น รถเลื่อนที่พระราชินีได้ ๓ ลำ ไม้แกะอย่างสวยงาม เรือลำใหญ่ขนาดจุคนได้ 35-40 คน เป็นเรือใบ ไม่มีกำบัง เค้าใช้จอดตามชายฝั่งเพื่อพัก เลยขุดได้อุปกรณ์แคมปิ้งด้วย ถ้าไม่พักก็กินของแห้งเอา เรือไวกิ้งสามารถไปไกลถึงอังกฤษ ถึงอเมริกาได้ และเหมาะกับการรบเพราะไม่กินน้ำลึก จู่โจมได้เร็ว และบังคับง่าย ตอนนั้นเต้ามีโลหะแล้ว

เด็กๆ safety first มาก ที่นี่เค้าใช้ reflector กันเยอะ



















เสร็จจากดูเรือ ก็เดินไปที่ Folk Museum   ชอบที่เค้าจัดแสดงบ้าน โรงนา ยุ้งฉางจากที่ต่างๆ ในนอร์เวย์ มีเป็น ๒๐๐ หลัง เค้าว่าเป็นมิวเซียมที่ popular ที่สุดในนอร์เวย์ บางหลังเปิดประตูแบบมีตะแกรงให้เราโผล่หน้าเข้าไปดู บางหลังเดินเข้าไปดูได้เลย เข้าเอากระจกกั้นไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน ฉันชอบดูบ้าน ก็เลยชอบมาก โรงนาเก่าๆ เค้าตั้งอยู่บนหินอีกที แล้วเค้ามีนิทรรศการเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ด้วย สีสดใส มีหมวกประดับ เหมือนชาวเขาของเรามาก มีอาคารสมัย ๑๐๐ กว่าปีที่แล้วด้วย อาคารโบราณอยู่ท่ามกลางหิมะก็สวยดี คนน้อยในหน้าหนาวด้วย หน้าร้อนคงคึกคักมาก มีหลายพิพิธภัณฑ์บนเกาะ Bogdoy นี้
บ้านที่เรียกว่า Loft สร้างปีคศ. 1757

กินข้าวเที่ยงที่นี่ เป็นซุปไก่ (อยากกินอะไรร้อนๆ ถึงไม่มังก็เถอะ) และแซนวิชชีส ชีสที่นี่อร่อย ไม่เค็มเกินไป ไม่เลี่ยนด้วย ขนมปังสดใหม่ เนื้อดี ราคาโอเค ช่วยสร้างรายได้ให้พิพิธภัณฑ์ มาเที่ยวประเทศแพงๆ มักไม่ได้นั่งกินร้านอาหารแบบให้เค้ามาเสิรฟเพราะเปลือง กินตามคาเฟเป็นส่วนใหญ่ น้ำก็มีของตัวเอง ไม่เปลืองเงินและสร้างขยะจากน้ำขวด

แล้วก็นั่งรถเมล์เข้าเมือง เมืองนี้ไม่ใหญ่ ไม่พลุกพล่านเลย สบายๆ แต่ตนเดินเร็ว ฉันว่าฉันเดินเร็วเมื่อเทียบกับคนไทย โดนแซงทุกที คงเพราะหนาว ต้องรีบเดิน ลงรถเห็นชายทะเล เลยไปเดินเล่น เมืองนี้ติดทะเลเปิด สวยเพราะมีภูเขาล้อมรอบ ไม่แบนๆ ริมน้ำก็มีเรือจอด มีออฟฟิศ โรงแรม ตึกใหม่ๆ
ลายแกะไม้เท้าสำหรับทำพิธีของไวกิ้ง
เจอพร้อมเรือ เค้าใช้หมุดโลหะเพือประดับ

แล้วก็เดินไปทัน Historical Museum มีมัมมี่ด้วย ก็ให้สงสัยว่าที่อียิปต์คงมีเป็นร้อยตัว เพราะมิวเซียมใหญ่ๆ ในโลกนี้ที่ไหนก็มี เห็นเป็นหน้าเป็นหูอยู่เลย พอเห็นเรือไวกิ้ง เห็นมัมมี่แล้วก็รู้สึกว่าคนโบราณนี่เก่งจริงๆ เค้ามี Helmet หมวกเกราะของนักรบไวกิ้งด้วย มีเครื่องประดับ ของใช้ที่ขุดเจอพร้อมเรือไวกิ้งที่ไปดูมา แล้วก็มีของจากที่อื่นๆ ในโลก ตรงส่วนที่เป็น East Asia ชอบเสลี่ยงญึ่ปุ่นที่เปิดได้แทบทุกชิ้น ไม่ว่าด้านข้างหรือด้านบน เค้าก็ทำดี เอาหุ่นสาวญี่ปุ่นใส่กีโมโนมานั่งให้ดู  ฉันว่าเค้าสร้างสรรค์ในการจัดแสดง ของบางอย่างเราอาจไม่เข้าใจว่าใช้ยังไง เค้าก็ทำตุ๊กตามาใช้ของเหล่านี้ให้ดู เช่น ใน Display กรรไกรตัดขนแกะโบราณ เค้าก็มีตุ๊กตาผู้หญิงตัดขนแกะอยู่ข้างๆ ยามที่มิวเซียมนี้ต้อนรับดีมาก เป็นคุณป้าคนเอเชีย

มิวเซียมที่นี่ไม่ใหญ่ ก็ดี เดินไม่เหนือย เดี๋ยวนี้ฉันไม่โลภด้วย ไม่อ่านคำอธิบายทุกตัวอักษร อ่านแต่เฉพาะชิ้นที่สนใจ

พออยู่เมืองนี้ได้สักสองวันก็เริ่มชิน เข้าใจว่าอะไรอยู่ไหน และเมืองมันเล็กมาก ที่ๆ เราอยากไปก็เดินถึงกันได้ ระบบขนส่งมวลชนก็ดีมาก รู้สึกปลอดถัยที่ไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วก็เห็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียวหลายตนตามมิวเซียม ฉันลองทั้งรถรางและรถเมล์ แต่ยังไม่ได้โอกาสนั่ง subway เพราะอยากเห็นวิวเมือง
ตุ๊กตาเพื่ออธิบายกรรไกรข้างหลังว่า
เอาไว้ทำอะไร

Google เรื่องขอทาน (Beggars) ที่เมืองนี้แล้ว เค้าว่ามาจาก Bulgaria and Romania มาตั้งแต่เริ่มเป็น European Union เมืองนี้เค้าก็พยายามจัดการกันอยู่

เสลี่ยงญี่ปุ่น

Comments