ชีวิตแบบช้าๆ

พระพุทธรูปไม้ที่ชาวบ้านทำเอง
ที่ห้วยทราย ลาว
ปีนี้ฉันลาเขียนตำรา ไม่ต้องไปสอน ๑ ปีเต็มแต่ต้องเขียนหนังสือส่งตามที่เสนอขอไว้  ฉันเลยได้ไปธุดงค์อีกครั้งแบบยาวๆ  พระท่านเดินต่อจากที่ท่านจบลงคราวที่แล้ว คือ ที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม จ.น่าน ฉันได้ไปเริ่มพร้อมกับคณะ แล้วก็แวบไปอินเดีย แล้วก็ได้ไปจบพร้อมกับคณะ คือที่แม่สาย จ.เชียงราย

สิ่งที่แตกต่างไปจากปีที่แล้ว นอกเหนือจากจำนวนคนที่เพิ่ม วิวข้างทางที่ไม่เหมือนเดิม และที่นอนแล้ว (คราวนี้เรานอนที่ป่าเฮ้ว คือที่เผาศพและฝังอัฐิตามหมู่บ้าน) หลักๆ ก็คือฉันเองที่ต่างไป  ไม่มีความคาดหว้งอะไรจากการเดินนอกเหนือไปจากว่าจะได้ไปภาวนากับกลุ่มคนที่คุ้นเคย และได้เที่ยวแบบช้าๆ แบบไม่มีการวางแผน  แต่คราวนี้ฉันพบว่าการธุดงค์เป็นการกลับมาเตือนตัวเองว่าฉันไม่จำเป็นต้องทำตัวซับซ้อนก็อยู่ได้อย่างไม่ลำบาก  กินอาหารที่ได้จากการบิณฑบาต ที่เหลือจากพระและแม่ชี ถึงแม้จะเลือกเขี่ยเนื้อสัตว์ออก ก็พอถูไถกินได้อิ่มทุกมื้อ เพราะชาวบ้านใส่มาม่า ใส่แลตตาซอยมาทุกวัน   ส่วนเสื้อผ้าก็มีแค่ 2-3 ชุด ชุดหนึ่งใส่ส่วนอีกชุดซัก  การธุดงค์ทำให้ฉันรู้จักวิธีแพ็กกระเป๋า  ตอนที่ไปอินเดียกับทัวร์  เห็นกระเป๋าเดินทางเพื่อนร่วมทริปแล้วอึ้งมากว่าหอบอะไรกันไป  ฉันว่าบางคนคงมีเผื่อเสื้อผ้าเอาไว้ถ่ายรูปด้วยละมัง

อ้อ...มีความกังวลนิดหน่อยที่ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปีก่อน แต่ปีนี้ไม่เกิด ก็อีกแหละ..สอนเราเรื่องกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

ฉันชอบการได้พักสมองด้วย ไม่ต้องคิดอะไรเลย มีพระวางแผนเส้นทางเดิน เรื่องกินก็เท่าที่มี เรื่องนอนก็แล้วแต่ว่าจะไปเจออะไร  สำหรับคนที่บ้าการวางแผน การไม่ว่างแผนเป็นการพักผ่อนที่แท้จริง  แล้วก็ใช้แต่แรงเดิน

ดอกไม้ที่ชาวบ้านถวาย ชอบที่เป็นดอกไม้บ้านๆ
บ้านสันนา เชียงราย
เนื่องจากเรานอนที่ป่าเฮ้ว อีกอย่างที่ได้คือเลิกกลัวผี  ที่ป่าเฮ้วหนึ่งมีรถไม่มีโครงหลังคาจอดอยู่  พื้นรถเป็นไม้ ฉันก็เลยเลือกนอนบนนั้นเพราะไม่เย็น ปรากฎว่าเป็นรถขนโลงศพ ฉันรู้หลังจากที่กางเต๊นท์เสร็จแล้ว แต่ก็..เอาวะ..ลองดู  เต๊นท์ฉันเป็นแบบนอนคนเดียว ทรงไม่สูงแต่ยาว ดูๆ ก็เหมือนโลงศพเหมือนกัน ก่อนนอนก็คิดว่าเป็นการฝึกตายก่อนตาย ยังไงก็ตายอยู่ดี ก็เลยนอนไป แล้วก็ไม่มีอะไร

เรื่องประทับใจอื่นๆ ก็คงเป็นธารน้ำใจจากชาวบ้าน ถวายน้ำดื่ม อาหารให้พระ แม่ชี และโยมตลอดทาง  ได้รับความช่วยเหลือจากคนคริสต์ด้วยซ้ำ ให้ที่พักที่รีสอร์ทของเค้า ผู้ใหญ่บ้านที่หนึ่งออกอากาศประกาศว่ามีพระธุดงค์มา ทำให้วันรุ่งขึ้นเราได้อาหารเยอะมาก ขนาดใช้ซาเล้งขน แล้วก็พบว่าอาหารมากเกินไปก็เป็นภาระ กว่าจะจัดเสร็จ กว่าจะเลือก ที่เหลือก็ต้องเอาไปบริจาค  ส่วนวันที่มีน้อยก็กังวลว่าจะพอกินไหม แต่ธรรมะก็จัดสรรให้กินอื่มได้ทุกวัน  ไม่ต้องคิดว่าวันนี้จะกินอะไร นอนที่ไหน ไปไหน ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่พยายามเค้นหรือบังคับมันมาก ก็สบายดี

Comments