Almost Tibet (2/x)

ต่อจากตอนที่แล้ว  จะเห็นวีดีโอหากใช้ Google Chrome หรือ Internet Explorer 


เพื่อนถามพระอาจารย์ว่าทำไมท่านถึงสนใจทิเบต ท่านบอกว่าเพราะคนที่นั่นเด่นเรื่องศรัทธา ตอนที่ท่านไปธรรมศาลา (Dharamsala) ที่เป็นที่พำนักของท่านดาไลลามะที่อินเดีย  คนทิเบตเค้าภาวนาไป ขายของไป ไม่ซื้อไม่เป็นไร หรือไม่ก็ภาวนาไป เดินไป  เหมือนการภาวนาเป็นงานหลัก การทำงานอย่างอื่นเป็นงานรอง  เรากราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ คือ ๕ จุดของร่างกาย (เข่าสอง มือสอง หน้าผากหนึ่ง) สัมผัสพื้น แต่เค้ากราบอัษฎางคประดิษฐ์ ซึ่งมี ๘ จุดสัมผัสพื้น (ห้าของเราบวกหน้าอก ๑ และปลายเท้าทั้ง ๒) กราบกันอลังการมาก ถนนมีฝุ่นก็กราบ (วีดีโอข้างบนถ่ายที่หน้า Milarepa Palace เมือง Hezuo มณฑลกานซู) ขนาดคนศรัทธาน้อย สงสัยมากอย่างฉัน เห็นแล้วยังตื้นตันไปด้วย  บางคนก็กราบอยู่กับที่แล้วมีลูกคิดข้างๆ ตัวเพื่อนับว่ากราบได้กี่ครั้งแล้ว  การกราบเป็นวิธีสร้างบุญบารมีของเขาอย่างหนึ่ง


นอกจากการกราบ เค้าก็ยังเดินรอบๆ วิหาร เดินไปแกว่งกงล้อภาวนา (Prayer wheel) หรือนับลูกประคำ และก็สวดมนต์ไปด้วย  นอกจากเดินรอบๆ แล้วก็ยังมี Option ของการหมุน Prayer wheel ที่เป็นอันใหญ่ๆ รอบๆ วัดด้วย วัดที่สำคัญ เช่น Labrang Monastery มีเส้นทางเดินจาริกรอบ (Kora path) ที่ยาวหลายกิโลเมตร  ผ่านวิหารหรืออาคารสำคัญๆ รอบๆ  
มือขวาถือ Prayer wheel
มือซ้ายถือลูกประคำ
ชอบการแต่งกายพื้นเมืองแบบทิเบต

สถานที่สำคัญสำหรับคนทิเบต ไม่ใช่แค่วัดหรือสถูป แต่ยังมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วย  ถ้าได้ Permits เราจะไปจาริกยังเขาไกรลาส (Mount Kailash) ซึ่งมีทั้งคนทิเบต คนฮินดูและคนนับถือลัทธิ Jain เคารพ เค้าถือว่ามีเทพสถิตอยู่ที่นั่น เขานี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำคงคาและแม่น้ำสินธุ  ที่จีนก็มีความเชื่อเรื่องภูเขาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เราไปเขาง้อไบ๊ ที่เสฉวน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธของจีน (เต๋าก็มีอีก)  ฉันเฉยๆ กับ Holy places แต่พอไปก็เข้าใจว่าทำไม  ทัศนียภาพบนนั้นสวยมาก ทำให้รู้สึกสงบ และวัดโบราณที่อยู่บนนั้นก็จูงความรู้สึกให้สงบด้วย

พระทิเบตที่เราพบหลายรูปบวชตั้งแต่ยังเด็ก  เณรบางรูปบวชมาแล้วเป็นสิบปี  พุทธแบบทิเบตหรือเรียกว่าวัชรยานมีทั้งภิกษุและภิกษุณี  ภิกษุบางนิกายก็ไม่ต้องโกนผม  เค้ามีความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด (Rebirth) ของพระรูปสำคัญๆ คือ Dalai Lama, Panchen Lama และ Rinpoche พระธรรมดาท่านเรียกว่า Monk เฉยๆ ในความเชื่อวัชรยาน พระที่บรรลุธรรมขั้นสูงแล้วก็ยังกลับมาเกิดอีก เพื่อช่วยเหลือมนุษย์  ซึ่งแตกต่างจากเถรวาทที่เชื่อว่าเมื่อนิพพานแล้ว จะไม่เกิดอีก  บางทีก็กลับมาเกิดในหลายร่าง เพื่อช่วยกันทำงานศาสนา  เมื่อพระรูปสำคัญสิ้น ก็จะมีทีมค้นหาร่างใหม่ของท่าน เอามาเลี้ยงกันตั้งแต่เด็ก  พระที่ Labrang เล่าว่า มีองค์หนึ่งไปเกิดที่ภูฎาน ต้องทำเรื่องขอนำท่านกลับมาทิเบต  เราถามว่า พระธรรมดาเลื่อนขั้นเป็นลามะได้ไม๊ ท่านบอกไม่ได้ ต้อง Born to be... พระที่นั่นเรียนพระอภิธรรม (คัมภีร์) ไวยากรณ์ทิเบตและปรัชญา เราเห็นกุฎิหลังเล็กๆ บนตีนเขา ก็เลยถามว่า พระภาวนาไหม  ท่านบอกว่า จะภาวนาตอนอายุเยอะๆ ห้าสิบ หกสิบ  คิดแล้วน่าเสียดาย...






Comments