Infinitely Seoul (1/x)

Deoksu Palace
(แอบใช้สโลแกนปีการท่องเที่ยวเกาหลีมาเป็นชื่อเรื่อง)

ก่อนมาประเทศนี้ ไม่ชอบคนเกาหลีเท่าไหร่ เพราะที่เคยเจอลูกค้าอพาร์ทเม้นท์ที่กรุงเทพ พอไม่ได้อย่างที่ต้องการ หรือแค่สื่อสารไม่เข้าใจ ก็ใช้เสียงดัง ตบโต๊ะมั่ง โยนของมั่ง ซึ่งตอนแรก เราก็กลัว ตอนหลังเริ่มเลียนแบบ เสียงดังมา ก็เสียงดังกลับ คิดว่าคงเป็นวัฒนธรรมเขาที่ต้องใช้เสียงเดซิเบลขนาดนี้ 

ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเพื่อนเกาหลีสมัยเรียนอเมริกา คนเกาหลีไปเรียนที่นั่นกันเยอะมาก และที่เห็น เมื่อไปที่นั่นแล้ว น้อยมากที่จะกลับประเทศ (คนประเทศอื่นก็เช่นกัน เค้ายังแปลกใจกันที่คนไทยกลับหลังจากเรียนจบ ถึงไม่ติดใช้ทุนก็กลับ คงเพราะอยู่สบาย ถึงแม้จะบ่นกันต่างๆ นาๆ)

สิ่งที่ฉันประทับใจในประเทศนี้ ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าหรือความเร็วของอินเตอร์เน็ต (100 Mbps ทุกครัวเรือน!) แต่ฉันชอบความใส่ใจในรายละเอียดที่เอื้อให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น ฟุตบาทที่มีทางลาด (Ramp) สำหรับรถเข็น และก็มีกระเบื้องลายสำหรับบอกทางกับคนตาบอด (เช่น เมื่อใกล้ถึงสี่แยก)  และฟุตบาทก็ได้ระดับเดียวกัน ไม่เป็นหลุมบ่อ  ส่วนรถไฟฟ้าใต้ดิน (Metro) ก็มีหลายสาย หลายสถานี ไปถึงทุกที่ เสริมด้วยรถเมล์อีก คือ คนสามารถเข้าถึงที่ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้รถส่วนตัว (แต่ก็เห็นรถเยอะนะ รถติดมากในบางทีด้วย) เค้าใช้ทั้งชื่อและตัวเลขระบุสถานี เช่น สาย 4 สีฟ้า ก็มีเลขสถานีเป็น 4xx เช่น 425 แล้วก็เรียงเบอร์กันไป  เวลาออกจากสถานี ต้องดู Exit number ด้วย (บางสถานีมี 12 exits) เพราะบางทีหาที่ๆ ต้องการไปลำบากถ้าออกมาจากหลุมที่ไกลๆ  และรถทั้งหลายก็มีเสียงประกาศว่า"ป้ายนี้เป็นสถานี... และสถานีหน้าคือ...  สามารถต่อรถ... ที่นี่ได้"ทั้งภาษาเกาหลีและอังกฤษ ทำให้การไปไหนมาไหนเองง่ายมาก

คือฉันเป็นพวกไม่ชอบ Tour group เพราะมักพาไปซื้อของที่เราไม่อยากได้ ตรงที่เราอยากไปดันไม่พาไป แต่ก็มีข้อดีคือ เก็บได้หลายที่ และเราไม่ต้องเตรียมตัว เตรียมแต่เงิน เจอทัวร์ไทยหลายกลุ่มตามแหล่งช็อปปิ้ง (ฉันเดินห้างทุกวันหลัง conference  โซลมีห้างเยอะมาก และมีทุกระดับราคา เดินได้ไม่ซ้ำ)

การใช้รถสาธารณะก็สะดวกด้วยบัตรเติมเงิน (T Money) ที่น้องคนไทยที่บังเอิญเจอที่ conference แนะนำให้ซื้อ Tag ซึ่งมีแบบบัตร (ไม่ต้องซื้อ แต่ต้องมัดจำ) หรือซื้อแบบแบบน่ารักๆ ที่เอาไว้ห้อยมือถือ พวงกุญแจได้ (ของฉันเป็น Hello Kitty) แล้วเอามาเติมเงิน พอขึ้นรถ ก็เอา Tag นี่ไปแตะที่เครื่องอ่าน เครื่องก็จะบอกเงินที่หัก และเงินที่เหลือ

Colorful roof beams
สังเกตว่าที่นี่จะคล้ายๆ ยุโรปเหนือ เช่น ฟินแลนด์ ที่คนไม่ค่อยใช้เงินสด แต่ใช้ Debit card หรือ Credit card แม้กระทั่งซื้ออะไรเล็กๆ น้อยๆ

อีกอย่างที่ชอบมาก คือ ทุกๆ Food court มีตู้น้ำให้กด ทั้งน้ำเย็น น้ำร้อน และมีแก้วน้ำที่เก็บไว้ในตู้อุณหภูมิ 40 กว่าองศา เพื่อมั่นใจว่าสะอาด  ฉันว่าดี ไม่ทำให้เกิดขยะจากขวดพลาสติก และประหยัดเงินด้วย  ที่ห้าง Lotte มีที่ล้างและเช็ดมือด้วย  Food court ที่นี่อยู่ชึ้นใต้ดินกับซุปเปอร์มาร์เก็ต Food court ที่ฉันไปมาสามที่ดูดีมาก บางทีก็ซื้อ Take out จากซุปเปอร์มากินที่ Food court เพื่อประหยัด และตัดปัญหาว่าอ่านภาษาเกาหลีในเมนูไม่ออก

นอกจากนี้แล้วคนที่นี่ก็ดูมีวินัย ต่อคิวขึ้นรถเมล์ ถึงแม้คิวยาวเป็นเมตร มีครั้งหนึ่ง เด็กเล็กๆ จะแย่งเราขึ้นรถเมล์ แม่ดึงให้มาต่อหลังเรา (แต่เมื่อวานก็มีโดนแซงเหมือนกัน) ฉันว่าเป็นการปลูกฝังที่ดีมาก

Almost the end of autumn
ฉันเดาว่าที่นี่ของไม่ค่อยหาย ในรถ subway มีชั้นวางของเหนือที่นั่ง คนก็เอากระเป๋าเอกสาร กระเป๋าถือไปวาง  ซึ่งคงไม่มีคนมาฉกไป ไม่งั้นคนคงไม่กล้าวาง  แล้วข้อสังเกตนี้ก็ confirm จากการที่ฉันได้ซองเงินที่ทำตกไว้คืนที่ร้าน Etude ซึ่งทำให้ประทับใจมาก

สิ่งที่ขำคือคนที่นี่หมกมุ่นกับมือถือมาก เล่นเกม ดูทีวี ส่งข้อความ แทบตลอดเวลา เดินไปดูหนังไป ถึงแม้ว่าคนเยอะมากก็ตาม

เอาไว้ค่อยต่อตอนหลังว่าไปไหนมาบ้าง


Comments