Write to live

ไม่ได้เขียนอะไรมานาน (กว่าเคย) เพราะไม่รู้สึกว่ามีอะไรจะเขียน เหมือนว่าแรงผลักดันภายในไม่พอ

จากที่ดูประวัตินักเขียนส่วนใหญ่ ทั้งดังและไม่ดัง เค้าเขียนเพราะอยากเขียน ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน มันไหลออกมาเองเมื่อได้เวลา เหมือนว่าเราแค่ถ่ายทอดเสียงที่อยู่ในหัวแค่นั้นเอง และก็เขียนเพื่อเรียบเรียงความคิด คุยกับตัวเอง ตอนนี้คุยกับเพื่อนก็คุยได้นะ แต่เวลาเราคุยกับคนอื่น จะพล่ามเรื่องตัวเองมากก็ดูไร้มรรยาทไปนิด เขียนเรื่องตัวเองนี่ดี รูปแบบมันเอื้อว่าได้พูดเรื่องที่อยากพูด

อาจเป็นเพราะใกล้ช่วงนั้นของเดือนที่ฮอร์โมนเปลี่่ยนแปลง (เป็นผู้หญิงนี่ดีจริงๆ โบ้ยให้ธรรมชาติเป็นสาเหตุความไร้เหตุผลของตัวเอง) วันนี้เศร้าเซ็งกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำงานไป เศร้าแบบสุดๆ ไป เกิดความคิดแว็บๆ ว่าโดดงานดีไม๊เนี่ย หรือโทรไปคร่ำครวญกับเพื่อนดี (หาข้ออ้างอู้งาน) แต่แก่ป่านนี้และจากที่เห็นตัวเองมา ก็รู้ว่าหนีอารมณ์ไปก็เท่านั้นแหละ ทนๆ ไปก็หายเอง และอีกอย่าง เราก็ถามตัวเองว่าทำไมฉันจะต้องคิดว่าฉันต้องสุขสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา อย่างที่ท่านว่า ปัญหามันอยู่ที่ฉันให้ค่ากับอารมณ์บางอย่างแค่นั้นเอง ฉันก็..เอาวะ..ไม่ทำตามใจ..แต่ทำตามเหตุผลดูบ้าง จะเป็นไง ก็เลยทนๆ นั่งทำงานต่อ และที่สำคัญ งานก็สุมหัวอยู่ ก็คิด...ทำๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็เสร็จเอง

พอช่วงเย็น งานที่ทำเสร็จพอดี พายุอารมณ์ก็เริ่มสงบ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นตาลหรือต้นมะพร้าวท่ามกลางพายุมรสุมจริงๆ ช่วงที่พัดกระหน่ำก็โห...มันแย่ งู้นงี้งั้น พอลมสงบ ก็อึ้งๆ ด้วยความสงสัยว่าตอนนั้นมันพายุแรงขนาดนั้นได้จริงเหรอ

เมื่อวีคเอนด์ที่ผ่านมา ไปภาวนาที่สวนแสงอรุณ มีคุณคนหนึ่ง ไม่เคยไปภาวนาที่ไหนมาก่อน ถามพระอาจารย์ว่าการภาวนาที่ทำๆ อยู่นี้ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม๊ พระอาจารย์ก็โบ้ยมาถามฉันว่าใช้ได้หรือเปล่า ตอนแรกก็ตอบแบบไม่ตั้งใจว่า"ได้ค่ะ" แต่คิดว่า..ช่วยท่านตุ้มตอบนิดก็ดี..ก็บอกเค้าว่า..ทำให้ช่วยไวต่ออารมณ์ตัวเองเพิ่มขึ้นน่ะค่ะ เพราะปกติเป็นคนปี้ดง่าย... คุณคนนี้เค้าก็รับทันทีว่าเค้าก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน..คล้ายๆ พวกรักดีหามจั่วน่ะ คือ ทุกข์เพราะติดดี

แต่ก็รู้สึกจริงๆ ว่าการภาวนาทำให้เกจ์วัดอารมณ์ฉันมัน sensitive ขึ้น คือ ก็ยังมีปี๊ดแตก พายุทอร์นาโดเข้า ด่าชาวบ้านเป็นระยะๆ แต่คลื่นความคิดเล็กๆ น้อยๆ นี่มันชัด ได้ยินเสียงในหัวตัวเองชัดขึ้น เช่น แต่ก่อนฉันไม่คิดว่าฉันเป็นพวก Show off พวกสร้างภาพ แต่พอมาสังเกตเสียงในหัว ก็พบว่า...ก็เป็นนี่นา คือ ความเห็นที่ฉันพูดออกไป โดยเฉพาะในหมู่ผู้คน จะกลับมา echo อยู่ในหัวต่อ เหมือนกับภูมิใจในตัวเองเวลาดูฉลาด และมีการจิกกัดตัวเองเวลาพูดอะไร ทำอะไรที่ดูโง่ๆ การภาวนานี่ทำให้รู้จักตัวเองจริงๆ ถึงสัญชาติญาณมนุษย์จะทำให้ฉันอยากมีคนอื่นมาเข้าใจ มาเห็นใจ แต่พอฉันรู้จักตัวเองมากขึ้น ความต้องการความสนใจจากมนุษย์คนอื่นๆ นี้ก็ลดลงโดยปริยาย ส่วนหนึ่งก็รู้ว่าบ่นไปก็ไม่ช่วย เปลืองพลัง บ่นหรือไม่บ่น เรื่องมันก็หายไปอยู่ดี

สวนแสงอรุณงวดนี้เจิ่งน้ำ ท่วมบางจุด ได้ยินเจ้าหน้าที่บอกว่ามีผู้ภาวนาบางคนบ่น คนเมืองนี่ใจเสาะจัง น้ำท่วมสิดี จะได้รู้ความรู้สึกของประชากรส่วนใหญ่ในประเทศ ถ้าน้ำท่วมที่อยู่ยังรับไม่ได้ แล้วถ้าทุกข์ท่วมใจ จะทำอย่างไร

Comments