Only change is forever

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ฉันไม่ใช้รถ เพราะว่ามีนัดสายๆ ในเมือง การไม่มีรถ ใช้รถไฟฟ้า ก็ดีตรงไม่ต้องกังวลเรื่องรถติด ยิ่งฝนตกด้วยแล้ว แต่ต้องหอบของไปไหนมาไหนด้วย ซึ่งก็ดีอีก เพราะทำให้ต้องจัดลำดับความสำคัญของของที่หอบไป

ช่วงนี้รู้สึกตัวเองเปลี่ยนไปในสิ่งที่เคยคิดว่าสำคัญ เช่น เมื่อวานนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาก็เพลีย ถ้าเป็นแต่ก่อน ก็จะเป็นห่วงตัวเอง กลัว Performance ไม่ดี ทำงานไม่ได้ ตอนนี้ก็เฉยๆ รู้ว่ายังไงก็ไปได้ แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนเป็นห่วงตัวเองมากนัก ไม่ได้งีบตอนบ่ายที่ๆ ทำงานด้วยซ้ำ มีสอนตอนเช้า แล้วก็ตรวจงานตอนบ่าย คือ ฉันก็ยังรักษาสุขภาพ แต่ไม่ได้หมกมุ่นกับตัวเองเหมือนแต่ก่อน

อีกวันก็ไปตัดผม ฉันชอบผมสั้น เพราะไม่สามารถมานั่งไดร์ จัดทรง สั้นขนาดนี้ ฉันยังไม่หวีเลย เป่าก็ไม่เป่า เนื่องจากมันสั้น เราก็ต้องตัดเดือนละครั้ง ไม่งั้นจะไม่เป็นทรง สองเดือนครั้งจะย้อม เพราะผมหงอกขึ้นมาตรงขมับ เด่นชัดมาก ทีนี้คราวที่ไปล่าสุด คนเยอะมาก รอเป็นชั่วโมงกว่าจะได้ทำ จริงๆ ฉันเป็นพวกติดหนังสือไปทุกที่อยู่แล้ว ก็นั่งอ่านไป คุยกับเพื่อนไป แต่ฉันเพิ่งได้ข้อสรุปว่าทำไมนักบวชหลายๆ นิกายเค้าให้โกนหัวหรือโพกผม เพราะมันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น (Simplification of life) ส่วนเครื่องแบบก็เหมือนกัน ทำให้ง่าย ไม่ต้องคิดว่าจะใส่อะไร เหมาะกับกาละเทศะไม๊ ฉันถึงขนาดคิดว่าฉันจะโกนหัวดีไม๊เนี่ย หรือโพกผมดี แต่ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่นี้ก็แปลกกว่าชาวบ้านมากพอแล้ว

เรื่องที่พระอาจารย์ฉันเคยสอนเรื่องการวางใจในการทำงานช่วยมากเลย วิชาที่สอนมีปัญหาเรื่องหมายเลขวิชาในหลักสูตร ทำให้เด็กที่ลงเรียนวิชาฉันต้องดร็อปในแง่ paperwork แล้วมาลงทะเบียนใหม่ ตอนแรกไม่รู้ เห็นใบดร็อปก็แปลกใจ เพราะคนที่ดร็อปก็คะแนนดีกัน นึกเสียใจนิดหน่อยตอนแรก แต่คิดอีกที ก็ว่า เราก็ทำดีที่สุดแล้ว ก็เลยไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ ปรากฎว่าดร็อปหลอกๆ เฉยๆ

พูดถึงเรื่องเสื้อผ้า ตอนนี้สัญญากับตัวเองว่าจะถือศีลอดช็อบปิ้ง งดซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า จนกว่าจะกลับจากพม่า ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บเงินไปเที่ยว ส่วนหนึ่งก็คิดว่าเราก็เสื้อผ้าเยอะมากแล้ว ฉันมีสองบ้าน แต่ละบ้านก็มีสมบัติของฉันชนิดที่ว่าขาดของที่บ้านหนึ่ง ฉันก็ไม่ขาดแคลน (พอแม่เสีย ฉันก็มีเสื้อผ้าแม่มาสมทบอีก) จริงๆ แล้วมาตรการลดภาวะโลกร้อนที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ใช้ถุงผ้า แต่เป็นการลดการบริโภคที่ไม่จำเป็นต่างหาก

Comments