ณ น่าน

"กระซิบ" ที่วัดภูมินทร์
รูปที่ถ่าย

มาอยู่น่านได้สองวันแล้ว ฝนตกทั้งวันและทุกวัน ฉันเฉยๆ กับฝนเพราะมีร่ม แต่ลำบากนิดหน่อยเวลาถ่ายรูป เพราะต้องใช้มือเดียวถ่าย รูปออกมาเลยเอียงๆ

วันแรกที่มาถึง ก็แวะชมวัดภูมินทร์เลย ที่มีจิตรกรรมฝาผนังที่มีคนรู้จักกันมาก ที่เป็นผู้หญิงกับผู้ชายเกี้ยวกัน (ชื่อภาพ "กระซิบ") แต่งตัวแบบคนพื้นเมือง ผู้ชายไม่สวมเสื้อ มีรอยสักที่ตัว จำนวนรอยสักกลมๆ แสดงจำนวนภรรยาที่มี ก็ดีนะ ประกาศให้รู้กันจะๆ ไปเลย มีเด็กมัธยมมาเป็นมัคคุเทศก์น้อยอธิบายภาษาอังกฤษให้ฝรั่งที่มากับฉันฟังด้วย

จิตรกรรมฝาผนังมีอายุแค่ร้อยกว่าปี แต่จางไปมากแล้ว เพราะหลังคารั่ว!!  เสียดายจริงๆ  ถามมัคคุเทศก์น้อยว่าเค้าจะซ่อมไหม เด็กบอกว่าจนท.กรมศิลป์กำลังตัดสินใจอยู่

จากนั้น ก็แวะที่วัดพระธาตุช้างค้ำ มีพระธาตุเก่าแก่ที่มีรูปปูนปั้นช้างอยู่รอบๆ ฐาน เราเข้าไปพอดีกับมีคณะทัวร์แสวงบุญ ที่มีอาจารย์ (ฆราวาส) นำสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ มีผู้ร่วมทีมกับแกประมาณ ๙-๑๐ คน แทบทั้งหมดเป็นผู้หญิงไม่ก็เด็ก คุณอาจารย์นี่ก็ดีตรงที่ย่อยธรรมะให้เข้าใจง่ายไปด้วยขณะสวดมนต์ เช่น สอนเรื่องศีล ๕ และมีการให้กำลังใจเป็นระยะๆ ว่า...สวดแค่ ๑๐ นาทีนะครับ..เหลืออีกแค่ ๗ นาทีนะครับ... แต่ว่าดูเหมือนตั้งใจมาสวดมนต์เพื่อขอพรมากไปนิดหนึ่ง

แล้วเราก็ข้ามถนนไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จ.น่าน ซึ่งเป็น”หอคำ” หรือบ้านพักของเจ้าผู้ครองเมืองน่านมาก่อน เป็นบ้านแบบฝรั่งสองชั้น ของไม่มากนัก แต่มีความพยายามในการจัดแสดงที่ดีมาก ชั้นล่างแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ เช่น ผ้าทอ การแต่งกาย ลักษณะบ้าน คนเผ่าต่างๆ ส่วนชั้นบนแสดงโบราณวัตถุ โดยเฉพาะพระพุทธรูป
ที่วัดพระธาตุช้างค้ำ

วันรุ่งขึ้น ฝนก็ยังตกอยู่ ฉันชอบเมืองน่านมาก มันยังไม่ Touristy มาก ขนาด 7-11 ยังมีไม่ถึงสิบแห่ง (เป็นดัชนีส่วนตัวของฉัน) คนน่ารัก เมืองสะอาด ค่าครองชีพถูกมากๆ เราก็ออกมาตระเวนวัดในตัวเมือง และแวะที่ศาลหลักเมือง ที่วัดพญาภู ลุงอรรถก็สัมภาษณ์เณร ๒ รูปเรื่องประวัติของวัด และถามว่ามาบวชนานแค่ไหน ทำไมถึงบวช เณรบอกว่ามาบวชเรียน บวชเพราะอยากทดแทนคุณพ่อแม่ ก่อนมาบวช มาเป็นเด็กวัดก่อน และเป็นคนน่าน ฉันว่าน่ารักดี เณรคนหนึ่งอายุ ๑๓ เอง แต่การตอบคำถามฉาดฉานมาก เป็นผู้ใหญ่เกินตัว และแววตาดูฉลาดเฉลียว น่าอนุโมทนาด้วยจริงๆ

แวะที่ศาลหลักเมือง ซึ่งอยู่ในวัดมิ่งเมือง อุโบสถทำใหม่ให้เหมือนวัดร่องขุ่น เป็นปูนปั้น ท่าทางช่างชาวเหนือ (สล่า) มีความสามารถด้านนี้  ดูจากรูปถ่ายจิตรกรรมฝาผนังที่หอศิลป์น่านเห็นมีรูปจิตรกรรมฝาผนังที่นี่ แต่ฉันไปไม่ยักเห็น ไม่แน่ใจว่ารื้อแล้วสร้างใหม่หรือเปล่า

แล้วเราก็ย้ายไปนอนที่อุทยานแห่งชาติ (อช.) แม่จริม ที่นี่เล็ก และเพราะเป็นหน้าฝนเลยไม่ค่อยมีคน  วันแรกมาถึงบ่ายมากแล้ว ก็เดินเล่นนิดหน่อย  เดินสวนกับชาวบ้านที่เพิ่งตกปลามาได้ ฉันว่าเออ..ชีวิตก็ง่ายดีเนอะ ถึงอยากซื้อก็ไม่มีซุปเปอร์ฯ หรือตลาดให้ไปซื้ออยู่ดี อยากได้ก็จับเอา ขนาดผักยังเก็บเอาได้เลย มีผักกูดขึ้นตามห้วย และผักหวาน

Modern take of กระซิบ, at หอศิลป์ริมน่าน
วันต่อมาก็เล่นแพยาง (White water rafting) น้ำเยอะมากและเป็นสีชาเย็น ก็เลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะไม่ได้สัมผัสความต่างระดับของแก่ง และน้ำไหลเร็ว ปกติเล่นกัน ๓ ชม.แต่เราเล่น ๑ ชม.  ก็โอเค ไม่คิดมาก เพราะว่ามาใหม่ได้  และได้มาก็ดีกว่าไม่ได้มาเลย

ตอนบ่ายก็ไปอช.ศรีน่าน กะจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาชู้ ซึ่งตะกายปีนผาขึ้นไปได้ แต่เราไม่ได้ขึ้น เพราะเค้าว่าลื่น  ขากลับผจญภัยเล็กน้อยเพราะน้ำท่วมระลอกสอง เลยต้องหาเส้นทางที่ถนนไม่ขาด

วันสุดท้ายก็เก็บโน่นนี่ เช่น หอศิลป์ริมน่าน (เริ่มมักง่ายเพราะขี้เกียจเขียน)  เอาไว้จะกลับไปพายเรือ Kayak เดือนตุลา

Comments