สวนแสงอรุณ...บ้านอีกหลัง

ไปคราวนี้ ได้ขาประจำเพิ่มคือ พี่ที่บ้านอยู่ใกล้ๆ สวนแสงอรุณ ที่มาเช้ากลับเย็นคราวที่แล้ว คราวนี้แกมาค้าง พาสามีมาค้างด้วย (นอนบนศาลา)  น่ารักมากๆ เลย สามีพี่เค้าถูกยิงเมื่อปี 2517 ตอนทำสวนยางอยู่นราธิวาส  แกพิการมาพอๆ กับอายุของฉัน  Amazing ไม๊ล่ะ  ตอนนี้แกอายุ ๖๐ กว่า ดูสดชื่น ไม่เศร้าซึม ก็นั่งรถเข็น ใช้สายปัสสาวะ ใส่ pampers แล้วก็มีคนดูแล แกเพาะต้นไม้ขาย  ฉันถามว่าทำยังไง เดินไม่ได้ แกบอกว่าสวนแกรถเข็นเข้าได้  ก็ใช้ดูและสั่ง และก็ทำงานที่ใช้แขนได้ 

ตอนแรกเราก็สงสารพี่ผู้หญิง นึกถึงว่าถ้าตัวเองจะต้องดูแลคนพิการอย่างนี้จะเป็นอย่างไร แต่พออยู่ๆ ไป ก็เฉยๆ พี่ผู้ชายเค้าก็ไม่ใช่พวกเรื่องมาก ถ้าเรื่องมากอาจจะไม่ได้อยู่มานานจนขนาดนี้ก็ได้  คนพิการตายได้ง่ายๆ จากการติดเชื้อเพราะแผลกดทับ  เดี๋ยวนี้เค้ามีเบาะน้ำ ทำให้น้ำหนักกระจายไปได้ทั่วๆ และก้นขยับได้


หลังๆ พอเราเห็นความไม่รู้อะไรของเด็กรุ่นใหม่ก็ท้อเหมือนกัน เป็นเด็กรุ่นไม่กดปุ่มไม่เดิน คิดเองไม่ได้ ริเริ่มไม่เป็น ซึ่งเป็นผลพวงมาจากที่พ่อแม่หรือคนเลี้ยงทำอะไรให้ลูกทุกสิ่งอย่าง ด้วยความที่กลัวลูกลำบาก (พระอาจารย์บอก ตอนที่ฉันบ่นให้ฟัง) ลูกก็ง่อย สมองนิ่มไปเลย และไม่รู้จักกาลเทศะ เช่น คราวนี้มีสาวป.โทจากมหาวิทยาลัยฉันมาสามคน มาเอง ฉันไม่รู้จักมาก่อน ปรากฎว่ารายหนึ่งใส่กางเกงรัดรูป ใช้เสื้อคลุม รายหนึ่งใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุด เราก็อืม..ก็เห็นตัวเองอยากจะเดินไปบอกเค้านะ...แต่คิดว่าการภาวนาของเค้าสำคัญกว่า ก็เลยอั้นไว้ จนจะกลับ ฉันก็ใช้วิธีบอกน้องที่แต่งตัวสมกาลเทศะที่สุด ว่าให้ไปบอกเพื่อนด้วยว่าแต่งกายไม่เหมาะสม และอาจทำให้คนอื่น รวมทั้งพระ เกิดอกุศลได้  คือ คิดว่าเด็กๆ บอกกันเองจะ soft กว่าฉันบอกน่ะ

 นอกจากนี้แล้ว ฉันยังเห็นว่าเด็กส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้สังเกตไม่เป็น เลยไม่เห็นโอกาสที่ตัวเองจะทำประโยชน์ได้  คือ กลายเป็นนั่งรอฟ้าประทาน...

ขากลับ สาวๆ เหล่านี้ติดรถฉันเข้ากรุงเทพ ก็คุยกัน สัมภาษณ์ว่าเคยไปภาวนาที่อื่นมาไหม เค้าก็เคยไปมากันนะ เลยงงว่า อ้าว..แล้วไม่สังเกตเรอะว่าคนอื่นแต่งตัวยังไง สำหรับฉันแล้ว การแต่งตัวให้เหมาะกับโอกาสเป็นการให้เกียรติกับคนที่เราจะไปพบและสถานที่นั้นๆ น่ะ  ความไม่สังเกตอะไรเลยของเด็กเดี๋ยวนี้น่ากลัวมาก นั้นหมายถึงว่าจะต้องรอคนมาบอก มาสอนตลอดไป ไม่เป็นอิสระ 

ไปสวนคราวนี้เหมือนกลับบ้าน  เจอเพื่อนหน้าเดิมๆ สระบัว ศาลาภาวนา ศาลากินข้าว ชอบมากๆ เลย  พอกลับถึงกรุงเทพก็ไปฝึกโยคะ นวดหน้า (สนองกิเลสทางกายบ้าง) แล้วก็กลับบ้านมาดูแลกิจการนิดหน่อย  นอนหลับสนิทมาก ไปทำงานวันจันทร์แบบสมองโล่ง

Comments