คนที่ข้ามฝั่งได้มีน้อย เพราะผู้ตั้งใจข้ามมีน้อย (หรือเปล่า?)

ฉันจะไปสุคะโตกับเลมอนฟาร์มเดือนสิงหา (รายละเอียด) นี้ ร่อนอีเมล์ชวนเพื่อนๆ ปรากฎว่าไม่มีใครไปได้สักคน ฉันเริ่มรู้สึกว่ามันยากอะไรนักหนาเหรอเนี่ย จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องว่างไม่ว่าง แต่เป็นการจัดลำดับความสำคัญมากกว่า ถ้าเห็นว่าสำคัญ ก็หาเวลาไปได้เอง ตอนแรกรำคาญนิดหน่อย ตอนนี้เฉยๆ เพราะฉันก็ไปเองได้อยู่แล้ว เราแค่อยากให้โอกาสเพื่อนเราได้ไปด้วยกัน

ฉันอาจจะโชคดีได้ทำให้ตัวเองทุกข์หนักๆ มาก่อนละมัง (I was my own worst enemy.) ก็เลยเห็นความสำคัญของการภาวนา บางทีคนก็เข้าใจผิดว่าเป็นคนดีก็พอแล้ว หรือว่าชีวิตตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว หรือมุ่งเรื่องโลกๆ อย่างเดียว ส่วนฉันก็สุดโต่งไปทางโลกแบบชนิดที่ชนกำแพงไปแล้ว (นอกจากบ้าปริญญาแล้วยังวัตถุนิยมมากๆ) ก็เลยดีดไปอีกด้านหนึ่งไปเลย

ส่วนอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ภาวนาก็เพราะมีอคติกับพระและวัด คือ เจอเคสที่ไม่ดีบ้าง หรืออ่านข่าวมากบ้าง

วันนี้ฉันโทรไปหาพี่ที่เป็นผู้อุปถัมภ์สถานที่ภาวนาที่ฉันไปทุกเดือน (ถ้าเค้าจัดและฉันไม่ติดอะไร) ถามว่าแกจะมาภาวนาหรือเปล่าเดือนนี้ แกบอกว่าไม่ไป เพราะที่บ้านไม่มีคนอยู่ ต้องดูแลบ้าน มีคนเข้ามาซ่อมบ้าน ฉันฟังแล้วก็ว่ามันเป็นตลกร้าย (Ironic) ดี ที่คนที่อุตส่าห์เสียเงินค่าดูแลสถานที่เดือนละเป็นแสน แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันเต็มที่ ขณะที่ฉันไม่ต้องลงทุนอะไร แต่ก็ไปได้ไปดี...

ที่พระพุทธเจ้าบอกว่ามีสมบัติก็เหมือนมีห่วงผูกเท้านี่ยิ่งกว่าจริง ฉันว่ามีเงินมันก็ดีหลายอย่าง แต่บางทีเราก็กลายเป็นทาสมัน เป็นห่วง ตัดใจไม่ได้ ผู้หญิงน่ะเป็นมาก... แม่ฉันก็เป็น...

วันก่อนฟังที่พระอาจารย์เทศน์ที่ว่า..บางทีความไม่กล้าปฎิเสธนั้นมีความกลัวเจืออยู่ด้วย กลัวเค้าไม่ชอบเรา หรืออื่นๆ ฉันไม่เคยคิดในแง่นั้นมาก่อน ก็เห็นด้วยว่าจริง... เผอิญว่าเป็นพวกตรงข้าม ถ้าไม่ ก็บอกเลยว่าไม่

ยังไม่สามารถเอาเพื่อนสนิทของฉันไปภาวนาด้วยกันได้เลยสักครั้ง คบกันมานานจนเริ่มจะห่างแล้ว เหมือนเป้าประสงค์ไม่ตรงกัน ก็ชวนไปอยู่เรื่อย แต่ไปไม่ได้สักที เพราะงานเยอะและธุระครอบครัวเยอะ และไม่เห็นความสำคัญของมันด้วยแหละ เข็มทิศต่างกัน ทำให้ lifestyle มันต่างกัน เช่น ฉันแทบไม่ดูทีวี (ตั้งแต่อยู่เมืองนอกก็ไม่ดู เพราะงกไม่อยากซื้อ) ไม่ดูละครเลย.. แต่เพื่อนชอบดูละครมาก ขนาดงานยุ่งมากยังหาเวลามาดูได้ เรารู้สึกว่ามัน silly น่ะ เอาเวลาไปออกกำลังยังจะดีกว่า เอาเวลาไปภาวนายิ่งดีใหญ่ พอสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญมันต่างกัน มันก็ทำให้ยากที่จะคบกันสนิทๆ เหมือนเรามองไม่เห็นประเด็นในสิ่งที่เค้าทำ คือ ก็ยังคบอยู่ แต่ว่าเราไม่ approve ฉันก็รู้ว่าฉันควรวางท่าทีอย่างไรในฐานะเพื่อน และก็เป็นคนไม่ได้ติดเพื่อนด้วย เพราะเพื่อนสนิทมาแล้วไปแล้วหลายคน ต่างกรรมต่างวาระ แต่มันก็เหมือนเราไม่ได้ศรัทธาหรือเลื่อมใสในเพื่อนเช่นเดิม อาจจะเป็นมานะอัตตาหรือ Hypocrite อีกรูปแบบหนึ่งก็ได้


พระอาจารย์ฉันให้ความเห็นว่า...
ผู้ที่จะตั้งใจข้ามฝั่งจริงๆ มีน้อยมากนัก
ที่ตั้งใจข้าม แล้วท้อๆ เลิกๆ ก็มีไม่มากนัก
เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยากจะอยู่ในโลกนี้ อย่างมีความสุข แม้จากโลกนี้ไป แล้วกลับมาใหม่ก็ยังอยากมีความสุข อยากเจอสิ่งดีๆ เสมอ
คนที่ไม่อยากกลับมาโลกนี้แล้ว และไม่อยากไปโลกอื่นๆ ด้วย จะมีสักกี่คนกัน

ธรรมะก็เลยมีสองระดับ
  • ขั้นที่จะข้ามโลก
  • ขั้นที่จะอยู่กับโลกอย่างพอมีความสุข
แต่ธรรมะก็มีผลทั้งโลกนี้ และมีผลในโลกหน้า (สำหรับผู้ที่ยังกลับมา) ด้วย

Comments