Temporarily Finnish

With Kaisa
รูปที่อัพโหลดบน Picasa web album.

ที่ Vasaa, Finland หนาวจนน้ำมันมะพร้าวเอาไม่อยู่ เริ่มแห้งจนคัน มันแห้งจนตากเสื้อยีดคืนเดียวก็แห้ง ซื้อโลชั่นสำหรับผิวแห้งพิเศษของที่นี่มาใช้

วันเสาร์ ฉันเดินไปพิพิธภัณฑ์ของเมือง (Ostrobothnian Museum) เป็นที่เล็กๆ แต่มีอะไรเยอะ มีภูมิศาสตร์ แสดงให้ดูว่าพื้นที่แถบนี้มีภูมิประเทศแบบนี้ได้ยังไง เล่าตั้งแต่สมัยเกิดโลกเลย (ฉันไม่ค่อยสนใจภูมิศาสตร์ เลยดูผ่านๆ) มีตัวอย่างหิน มีโชว์ผีเสื้อและแมลงสตาฟ มีเหรียญ (Coins) มี Silver collections (ของใช้ที่ทำจากเงิน) มีภาพวาด มีการจัดแสดงเสื้อผ้า/ของใช้ของคนแถบนี้สมัยก่อน มีโชว์ตัวอย่างห้องในบ้านคนสมัยก่อนด้วย ฉันชอบมันนะ ถึงจะเล็กแต่ก็ดูตั้งใจดี แล้วชอบเวลาคนน้อยๆ เหมือน museum เป็นของเรา

กระท่อมจำลองที่หลังคามุงหญ้า
แล้วเพื่อนอาจารย์ก็พาไปกินข้าว ที่นี่ใช้พนักงานน้อยมาก คนนึงคุมโต๊ะหลายโต๊ะ ถามเค้าว่าค่าแรงขั้นต่ำเท่าไหร่ ตกวันละ ๑๐๐ ยูโร (1 euro = 44 บาท) ต่อการทำงาน ๗.๕ ชม. วันนึงเค้าได้ ๔๔๐๐ บาทขั้นต่ำ ฟังเสร็จก็อืม..มิน่าเลยให้ลูกค้ารอ... แต่ภาษีก็คงหนักเช่นกัน

Ostrobothnian Museum



วันอาทิตย์เพื่อนและภรรยาพาขับรถออกนอกเมือง ไป Kvarken Archipelago ที่เป็น Unesco World Heritage Site ทางธรรมชาติ เป็นบริเวณนิเวศวิทยาน้ำตื้นติดทะเล ที่ยังมีแผ่นดินยกขึ้นมา (Land uplift) ฉันก็ไม่รู้ความสำคัญของมันละเอียดนัก มันเป็นป่าสน มีบริเวณน้ำตื้นด้วย (Swamp) จริงๆ มันครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทั้งของฟินแลนด์และสวีเดน

พวกเราก็เดินขึ้นไปขึ้นหอชมวิว ลมแรงมาก อุณหภูมิ (Ambient temperature) ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ลมกรรโชกนี่สิ ทำเอาหนาวมาก วันนี้ใส่กางเกงสองตัว เสื้อ ๓-๔ ตัว ขนาดมีแจ้กเก็ตกันลมแบบเฉพาะยังเอาไม่อยู่เลย ตะกายหอขึ้นไปแล้ว Kaisa, ภรรยาเพื่อนก็ควักกระติกน้ำเบอรรี่อุ่นๆ และคุกกี้ออกมาให้กิน เริ่ดมาก

Josu & Kaisa on the top of
the observation tower






นอกจากเราที่อยู่ที่นั่น ก็มีคู่หนุ่มสาวมาเดินเล่น ครอบครัวมาด้วยกัน คนมาดูนก ที่นี่มี Sea Eagles ฉันไม่เห็นหรอก

ภูมิประเทศช่วงขับรถ เห็นเป็นป่าสน ที่มีหินก้อนโตๆ เยอะมากเลย ทำให้ไม่เหมาะกับการเกษตร คือ ถ้าทำ ก็ต้องเอาหินออก หินพวกนี้มาจากเมื่อแผ่นดินยกตัวขึ้นมา เพราะน้ำแข็งละลาย
Floating sauna

ที่ฟินแลนด์นี่ คนชอบกิจกรรม outdoor มาก เช่น ไปตกปลา เดินออกกำลัง ขี่จักรยาน Cross country ski (สกีบนพื้นราบ โดยใช้ไม้ดึงตัวไปข้างหน้า ใช้พลังงานเยอะมาก คล้ายวิ่ง) ขับรถออกไปมีแต่ป่าสน คนทั่วไปสามารถไปกางเต็นท์นอนในป่าได้ (บางอันเป็นของรัฐ บางอันมีเจ้าของ) ไปเก็บเบอรรี่ได้ เค้าเรียก Every man's right มีทางจักรยานโดยเฉพาะ (เอาไว้เดินด้วย) อยู่ข้างๆ ถนนของรถเลย คนก็ออกมาตกปลามั่ง เดินเล่นมั่ง ขี่จักรยาน ดูนก เดินป่า Get some fresh air น่ะ ยังเสียดายเลยที่ขี่จักรยานไม่แข็ง ไม่งั้น น่าสนุกมาก และที่นี่ปลอดภัย จะไปไหนก็ไม่ต้องกลัว

ส้วมหลุมที่ไม่มีกลิ่นใดๆ ที่ Park

กิจกรรมตกปลาเค้าในหน้าหนาวน่าสนใจและน่าทึ่งมาก เค้าต้องเดินบนน้ำทะเลที่แข็งตัว ใช้สว่านมือเจาะช่องในพื้นน้ำแข็งเพื่อหย่อนเบ็ด แล้วนั่งรอ คือ ถ้ามองว่ามันเป็นการอยู่กับธรรมชาติ สร้างความอดทน ก่อให้เกิดสมาธิ ก็ใช่อ่ะนะ แต่ทำไมฉันต้องทำตัวให้ลำบากขนาดนั้น เจอลมทะเลขนาดนั้นอีก I have to lose my sanity first before I get myself to go...  แต่มองอีกที ส่วนใหญ่เค้าก็ไปกับเพื่อน ก็คงได้นั่งคุย กินเบียร์อะไรกัน

วันอาทิตย์ ร้านส่วนใหญ่ปิดหมด (ตอนนี้ค่อยๆ เปลี่ยนแล้ว บางร้านเปิด แต่ก่อนนี่ ร้านอาหารยังปิดเลย เปิดแต่ McDonald's) เดิมปิดหมดเพื่อให้คนไปโบสถ์ แต่เดี่ยวนี้จำนวนคนเข้าโบสถ์ในยุโรปหลายๆ ประเทศลดลงมาก บางที่ไม่มีบาทหลวงประจำ (demand > supply) เพราะคนจำนวนมากไม่นับถือศาสนาคริสต์อีกต่อไป  มีโบสถ์ที่อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) และที่ลอนดอนเปลี่ยนเป็นที่เที่ยวกลางคืนเลย (ไม่มีวันทำได้ในไทย) บางทีฉันสงสัยว่าถ้าไม่มีที่พึ่งทางจิตวิญญาณ (Spiritual Refuge) แล้วไม่เคว้งหรือ อาจเป็นได้ว่า Materialism and consumerism จะเป็นศาสนาใหม่แทนศาสนาเดิมในโลกก็เป็นได้ อ้อ อีกศาสนานึงคือทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง Working as a refuge

กระท่อมสีแดงซึ่งเป็นสีดั้งเดิมของแถบนี้
ฉันชอบที่นี่มากขึ้น เริ่มเข้าใจวิถีขีวิตของเขา เรียบง่าย ใกล้ธรรมชาติ ช่วยตัวเองเยอะ ถามเค้าว่าวันเสาร์อาทิตย์คนทำอะไรกัน เค้าว่า...ก็ออกนอกเมือง ไปกระท่อม (Cottages) กระท่อมพวกนี้หลังเล็กๆ ติดทะเล ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า บางคนสร้างบ้านเองด้วย บางอันอยู่บนเกาะ หรือที่ๆ ไม่มีถนนเข้าถึง เค้าก็พายเรือเข้าไปหรือขี่สกูตเตอร์เข้าไป (เมื่อน้ำเป็นน้ำแข็ง) ถามเค้าว่า อยู่กระท่อมทำอะไร เค้าว่า..ก็อ่านหนังสือ ประเทศนี้เค้าใช้ภาษาฟินนิช และสวีดิช (ของประเทศสวีเดน เพราะเค้าเคยเป็นเมืองขึ้น) จำนวนหัวนิตยสารเยอะมากเมื่อคิดว่าประเทศนี้มีประชากรห้าล้านคน

ฉันก็ว่า เอ่อ..แปลกดี..คนในประเทศพัฒนาแล้วอยากอยู่แบบไม่พึ่งเทคโนโลยี แบบ primitive แต่คนในประเทศกำลังพัฒนาอยากอยู่บ้านปูน มีน้ำไหล ไฟสว่าง มีทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้า We want what we don't have...

ฉันเดินดูร้านขายของ มีร้านขายอุปกรณ์หัตถกรรม (Crafts) เยอะมาก ขายไหมพรม ขายผ้า ขายอุปกรณ์ทำงานศิลปะ ขายอุปกรณ์พวก Do it yourself ก็มี พวกเครื่องมือช่างน่ะ ฉันว่ากิจกรรมของคนที่นี่สร้างสรรค์กว่าเรานะ ของเราเหรอ...เดินห้าง ดูหนัง กินข้าวซะเป็นส่วนใหญ่ ฉันก็เป็นแบบนั้นแหละ

เนินดินนี่คือรังมด
อ้อ ที่นี่มียุง มีมดด้วยนะ เห็นรังมดขนาดใหญ่ด้วยวันนี้ ถามเค้าว่าแล้วมันไปอยู่ไหนหน้าหนาว เค้าบอกว่ามันจำศีลอยู่ใต้ดินลึกๆ

Comments