It's a small world indeed

แค่ปีเดียว ที่เมืองมหาลัยเล็กๆ ที่ฟินแลนด์ก็มีร้านของชำเอเชีย (ร้านอาหารไทยมีเมื่อปีที่แล้ว ภรรยาไทยของคนฟินน์) มีของชำพวกตะวันออกกลาง/African มีนศ.ต่างชาติเยอะขึ้นมาก เห็นคนเอเชีย คนผิวสีเยอะมากขึ้น รวมทั้งนอกมหาลัยด้วย อ้อ ที่ร้านสะดวกซื้อมีขายมาม่า (Thai brand) ด้วย

วันนี้เจอนักเรียนที่เพิ่งมาเรียนคลาสฉันหนแรกจากทั้งหมดสามครั้ง เค้าดูใสซื่อมาก บอกว่ามาไม่ได้เพราะติดอย่างอื่น บางคนก็บอกว่าติดเรียนวิชาอื่น ฉันก็งงกับคนจัดตารางสอนนะ แล้วมันจะเรียนเข้าใจยังไงเนี่ย และส่วนที่สอนนี่ต้องถูกสอบด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กเรียนฟรีหรือเปล่า (รัฐให้เงินค่าเช่าบ้านด้วย แต่ภาษีเงินได้ที่นี่สูงมากก เค้าเป็น Socialist น่ะ เลี้ยงกันตั้งแต่เกิดยันตาย) เด็กก็เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ขาประจำที่มาเรียนทุกครั้งน่ะมี แต่ประมาณ ๑๐% ของทั้งหมด และดูเป็นคนทำงานมาแล้ว ไม่ใช่วัยรุ่น เราก็ได้แต่บ่นในใจ ถ้าเป็นเด็กไทยน่ะเหรอ ฉันจับ Quiz ทุกคาบไปแล้วและถูกด่าด้วย

วันนี้เริ่มเล่านอกเรื่องเป็นแล้ว แต่ก็ยังเกี่ยวกับเรื่องที่สอนน่ะ ไม่ใช่เรื่อง entertainment

 แปลกมากที่ภาษาอังกฤษฉันไม่สนิมขึ้นอย่างปีแรกๆ ที่กลับมาเมืองไทย ก็ไม่ได้ใช้มันมากเท่าไหร่นะ

ฉันมาคราวนี้ เริ่มสงสัยว่าคนต่างชาติเหล่านี้จะกลมกลืนกับคนท้องถิ่นเดิมจริงเหรอ หลายประเทศในยุโรป เช่น สวีเดน ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม บางทีมีปัญหาว่าคนพวกนี้แยกออกไป หรือคนพวกนี่้มาใช้สวัสดิการของรัฐที่คนพื้นเมืองเป็นคนออกตังค์ส่วนใหญ่ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้มาใหม่มีรายได้แค่ไหน มีการศึกษาหรือไม่ The hard part is that Finnish is quite different from English and to be a Finnish citizen,they have to pass the language test.

ฉันชอบคนฟินน์นะ เรียบร้อย สุภาพ ตอนมาปีแรกมีหนุ่มฟินน์ที่เป็นนศ.พาเที่ยวด้วย คนที่นี่เงียบๆ เป็นคนชาติแรกที่พบว่าคนนั่งอยู่ด้วยกันเฉยๆ โดยไม่พูดจากันได้ คือ คนไทยหรือคนอเมริกันต้องมีคนใดคนหนึ่งพูดตลอดเวลา ไม่งั่นอึดอัดน่ะ

Comments