สกลนครถึงหนองคายบนทางหลวง ๒๑๒

ถ้าฉันขยันเขียนตำราเหมือนอย่างที่ชอบเขียนบล็อก ป่านนี้คงเสร็จไปหลายเล่มแล้ว...  แต่ก็นั่นแหละ I live to write but I don't write to live (fortunately).  แต่ฉันก็พูดเป็นอาชีพแหละนะ...จะว่าไป...ถึงนิสิตของฉันจะไม่มีทางเลือกไปฟังคนอื่นก็ตาม

เลียนแบบสถานที่แสดงปฐมเทศนา
ที่ศานจี (เมืองสารนาถ)
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตามเพื่อนไปสกลฯ เพื่อนไปสอนที่ม.เกษตรฯ แต่ฉันไปเที่ยว  พอแก่แล้วพบว่า ถ้ารอให้ว่างแล้วไปเที่ยว ไม่มีทางได้ไป ส่วนใหญ่จะอยากไปแล้ววางแผนไว้ ซื้อตั่วเครื่องบินผูกมัดตัวเอง  พอใกล้ๆ ก็จะต้องเคลียร์งานหัวฟู แล้วก็ไปเที่ยว เสร็จกลับมาก็หัวปั่นอีก เคลียร์งานที่รอการกลับมาของเราอยู่

ถึงจะต้องหักโหมช่วงก่อนและหลังทริป แต่ฉันก็ว่าคุ้ม  รู้สึกว่ามันเติมความสดชื่นให้ชีวิต  แล้วในบางที ก็เป็นการฝึกทักษะการเอาตัวรอด และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไร จะมีที่นอนไหม ไอ้ที่อ่านๆ มานั้นจะเป็นอย่างที่เราคิดหรือเปล่า

แต่ก่อน ฉันเป็นพวกบ้าการวางแผน จะล็อกเลยว่าทำอะไร ที่ไหน ยังไง เมื่อใด...  พบว่าบางที เราวาดฝันซะสวยหรู ตามที่เค้าบรรยายไว้ในไกด์บุ้ค ปรากฎว่าหลายๆ ทีของจริงมันไม่เริ่่ดขนาดนั้น  ตอนนี้ ฉันเลยชอบการทำการบ้านอย่างคร่าวๆ ที่เหลือไปเก็บรายละเอียดเอา Embrace what life presents itself to me.  หรือจริงๆ เป็นข้ออ้างความขี้เกียจทำการบ้านก็เป็นได้...

พระบรมสารีริกธาตุ (กระดูกของพระพุทธเจ้า)
ฉันลงเครื่องบินที่อุดรฯ แล้วเช่ารถขับกับเพื่อนไปสกลฯ  มีหนังสือ Places & Prices ที่ซื้อจาก 7-11 เป็นไกด์และเพื่อนฉันเค้าก็มาสอนที่สกลฯ หลายรอบแล้ว  เราแวะที่ภูผาเหล็กซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน  เพราะว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้ง ใบไม้เหลืองแห้งกรอบ ก็เลยงั้นๆ  ที่บนนั้น มีวัดภูผาพวง ซึ่งมีการสร้างสถานที่จำลองสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล (เกิด ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และตาย) ซึ่งภายในมีการแสดงพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระสาวกองค์สำคัญๆ ด้วย  เค้าสร้างได้สวยและปราณีตดี และมีป้ายอธิบายพุทธประวัติที่เกี่ยวเนื่องกับสถานที่นั้นๆ ด้วย

ใบสุทธิของหลวงปู่ฝั้น
จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
เนื่องว่าเป็นอีสานเหนือ ที่มีวัดที่ครูบาอาจารย์เคยอยู่เป็นจำนวนมาก และมีพระพุทธรูปสำคัญๆ อยู่เยอะ  ทริปนี้ก็เลยกลายเป็นการตระเวนชมวัดและโบราณสถาน  จุดแรกที่เราแวะคือ วัดป่าอุดมสมพร เพื่อนมัสการอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร  ฉันชอบดูเค้าจัดแสดงอัฐบริขาร  ดูว่าคนโบราณเค้าใช้อะไร  ฉันชอบที่พระสมัยก่อนประดิษฐ์ทำของใช้เองหลายอย่าง เช่น หลวงปู่ฝั้นเย็บซองผ้าใส่ของและซองใส่สมุดเอง  ทำสวยอีกต่างหาก  ก็อย่างว่า..สมัยก่อนมันไม่มีข้าวของเยอะเหมือนเดี่ยวนี้

แปรงสีฟัน (พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ฝั้น)

จากนั้นเราไปตะกายบันไดขึ้นพระธาตุภูเพ็ก ซึ่งมีปราสาทขอมโบราณที่สร้างยังไม่เสร็จอยู่บนยอด ไต่บันไดชันๆ ขึ้นไป ๔๙๑ ขั้น (มาอ่านเจอทีหลัง ไม่ได้นับเอง)  ข้อดีของความไม่รู้คือก็ด้นไปจนถึงยอด  ขนาดฉันว่าฉันแข็งแรงนะ กว่าจะถึง ขาก็เริ่มสั่น  ข้างบนนั้นเงียบดี  ปราสาททำจากหินทรายแถวนั้น มีผู้รู้เล่าให้ฟังว่าเวลาสร้าง เค้าตัดหินแล้ววางเรียงซ้อนเลย ไม่ใช่ตัดรวดเดียวแล้วมาต่อเป็น Jigsaw เพราะถ้าทำงั้น เวลาเรียงคงไม่พอดี  แล้วคนโบราณเค้าตัดหินโดยการแซะให้เป็นร่องก่อน แล้วกระเทาะป็อก ให้มันหลุด  แต่คงต้องฝึก ไม่งั้นจะรู้แนวหินได้ยังไง

ถุงอัฐบริขารที่หลวงปู่ฝั้นเย็บเอง
ฉันชอบพระพุทธรูปในปราสาท  ดูมีชีวิตมากๆ  และดูสงบเย็น---Buddha images as meditation objects---ซึ่ง peacefulness อันนี้ไม่ขึ้นกับศาสนา คนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศาสนาพุทธก็สัมผัสได้  ไม่งั้นฝรั่งคงไม่ซื้อเศียรพระพุทธรูปไปตั้งโชว์หรอก...

พระพุทธรูปในปราสาทบนภูเพ็ก
มีปราสาทขอม (ตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์ซึ่งก็คือฮินดู) หลายแห่งมากในสกลฯ  ที่ๆ ได้ไปกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัด  ก็เลยมีการประดิษฐานพระพุทธรูปแทนในนั้น  ขณะที่หน้าบันก็ยังมีพระนารายณ์และเทพทั้งหลายอยู่   ฉันว่าผนวกวัดก้บโบราณสถานน่ะดี จะได้มีคนดูแล...

บนภูเพ็กเราเห็นไฟป่ากองเล็กๆ ด้วย แต่คนที่วัดบอกว่ามีแนวกันไฟรอบๆ วัดหมดแล้ว 

แล้วเราก็ไปสลบหมดแรงที่หอพักบุคลากรมก. วิทยาเขตใหญ่มาก มีบางส่วนยังเป็นป่าๆ อยู่เลย  ที่ๆ เราพักมีเปิดเป็นโรงแรมด้วย นิสิตของการโรงแรมได้ใช้ฝึกงาน  เค้ามีอาหารเช้าบริการด้วย  ฉันตื่นมาเช้ามาก ก็เลยออกไปเดินเล่นรอบสระ

รอบๆ สระตอนเช้า
("Color vivid" option
by Canon PowerShot G12)

ถ้ายังมีไฟและเวลา จะเขียนของอีกสองวันที่เหลือนะ

Comments