ยึดเหตุผลเป็นสรณะ

ฉันสังเกตตัวเองในช่วงที่ผ่านมา ที่รู้สึกอีดอัด คับข้องใจยังไงบอกไม่ถูก  และก็คิดหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม  ถึงจุดๆ หนึ่งก็เลยโอเค..คิดไม่ออก..ก็ต้องเลิกคิด และก็นึกถึงที่หลวงพ่อสุเมโธพูดบ่อยๆ เรื่องการคิด การหาเหตุผล จนติดเป็นนิสัย  การภาวนาเป็นสิ่งที่เหนือจากความคิด

พอคิดไม่ออกแล้วอึดอัด ฉันก็เลยรู้ตัวเลยว่าฉันเป็นคนยึดเหตุผลเป็นสรณะ คือ ถ้ามีเหตุผลที่ฉันยอมรับได้  ก็โอเค สบายใจ แต่ก็..เหตุผล..ถึงจะดูดีมีหลักการ ก็มีข้อจำกัดในแง่ที่มันก็ยังมาจากความคิดนั่นเอง...

ทีนี้ พอเอาหัวกระแทกกำแพงแล้วไม่ไปไหน ก็เลิก แล้วก็ดูมันเฉยๆ  ปัญหามันก็ไม่ได้คลี่คลาย แต่ความรู้สึกเราที่มีต่อมันต่างหากที่เปลี่ยนไป คือ จากเดิมที่มันเคยเป็นปัญหามันไม่ได้เป็นแล้วสำหรับเรา ทั้งๆ ที่สถานการณ์ก็ยังคงเดิม

จริงๆ แล้วอารมณ์สุขโดยตัวมันเองไม่ใช่ปัญหา แต่พอฉันสุข ก็รู้สึกเลยว่าอยากได้แบบนี้อีก และก็ในระดับที่เข้มข้นกว่านี้  คล้ายๆ ติดยาน่ะ ติดสุขนี่...

แล้วของบางอย่าง/ความสำเร็จ/คน ที่โคตรอยากได้ พอได้มาแล้ว ไม่มีเคสไหนเลยที่ไม่งั้นๆ  มันจืดไปเลย  มีคนเคยพูดว่าตอนเราช้อปปิ้งนี่ moment ที่สุขที่สุดคือตอนที่กำลังจะจ่ายเงิน จากนั้นมันก็ค่อยๆ จางลง

มีเคสที่ขำๆ ตัวเองดี  ตอนวัยรุ่น เคยคิดว่าถ้ามีชายหนุ่มที่หน้าตา ดี นิสัยดี การศึกษาดี หน้าที่การงานดี มาสนใจเราๆ คงดีใจมาก  มีเพื่อนที่ตรงตามนี้  แถมที่บ้านก็พอมีฐานะ  ฉันยังเคยบอกเค้าเลยว่า ใครๆ ก็อยากได้เธอเป็นแฟนทั้งนั้นแหละ (เจ้าตัวยังโสด) มีอยู่วัน ดูเหมือนเค้าอาจจะสนใจเราเป็นพิเศษ ฉันกลับ...เอ๊ย..อย่าคิดเป็นอย่างอื่นนะ..  คือ ฉันคุยกับเค้าแล้วไม่คลิก คือ ลำดับความสำคัญไม่ตรงกัน  ก็ขำตัวเองตรงที่แก่แล้วยังเรื่องมากอีก แต่เพราะแก่นี่สิเรื่องมาก ก็เห็นมาเยอะ..

ไปอบรมบุคลิกภาพ เค้าว่ามีงานวิจัยของฝรั่งบอกว่าคนเราจะรู้สึกถูกชะตากันหรือไม่ภายใน ๓ วินาทีที่เห็นหน้ากัน ยังไม่ทันพูดเลยน่ะ  ประมาณว่าเคยทำบุญร่วมกันมาชาติก่อนหรือไม่ 

ฉันมีนิสัยที่พอจะไปเที่ยว จะเริ่มไม่อยากไป แต่พอไปก็สนุกแหละ  ฉันเป็นคนเที่ยวแล้วเสียของ ตรงที่ความจำสั้น เคยไปลานหินปุ่มที่พิษณุโลกกับเพื่อนที่ทำงาน แล้วจำไม่ได้ ไปอีกกับน้องสาว ก็รู้สึก..เอ๊..มันคุ้นๆ นะ..ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันคงเคยมาในชาติที่แล้ว  พอมาเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง มันบอก..ก็ไปด้วยกันมาแล้วไง...  ต่อไปนี้เวลาบอกใครว่าระลึกชาติได้ คงไม่มีใครเชื่อแล้ว... 

Comments