เรื่องพื้นๆ ที่ต้องให้บอก

วันแรกอบรม ๔ ชม. เป็นเรื่องการเข้าสังคม การแต่งกาย ในทางทฤษฎี เค้าบอกว่าบุคลิกดีประกอบด้วย แต่งตัวดี มาดดี พูดจาดี รู้จักกาละเทศะ และอารมณ์ดี ขณะนี้ข้อรู้จักกาละเทศะกำลังมีปัญหา เราลืม etiquette (มรรยาท) เพราะเราเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง (ประมาณ "ก็ชั้นเป็นแบบนี้..." เอ๊ะ ทำไมฟังคุ้นๆ เหมือนตัวเองพูด...)

จริงๆ มรรยาทก็เป็น common sense คือ ฉันว่าถ้าใส่ใจ สังเกตดูคนที่บุคลิกดีๆ ก็จะเห็น ไม่ต้องให้ใครมาบอก แต่ปัญหาคือ เราไม่สังเกต  หรือแม้กระทั่งสีเสื้อที่เหมาะกับสีผิว หรือเสื้อผ้าที่เหมาะกับหน้าตา ร่างกายเราก็ตาม ถ้าเราสังเกต เราก็จะรู้ว่าอะไร work อะไรไม่ work 

อ้อ เรื่องที่อาจจะต้องให้มีคนบอกสำหรับฉันก็คือ การยื่นของควรทำสองมือ เช่น การยื่นนามบัตร เพราะเป็นการแสดงความตั้งใจ ความเคารพ  จำได้เคยถูกพระเตือนตอนประเคนภัตตาหาร ที่ฉันใช้มือข้างเดียว  คล้ายเป็นคนมีปริญญาแต่ขาดการศึกษา...

แล้วก็เป็นเรื่องของความมีสติ (ฉันประมวลเอง) เช่น ถ้าเรารู้สึกตัว เราก็จะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันดูไม่สวย แล้วก็จะหยุด แต่ถ้าเพลิน ก็ทำต่อไป เช่น การคุยโทรศัพท์มือถือในที่สาธารณะ บางทีอินมาก จนลืมตัว คุณประณม ถาวรเวชก็เล่าให้ฟังถึงเคสที่มี AE บริษัทโฆษณาไปนำเสนองานลูกค้า แล้วก็ได้ด้วย แต่ดันไปนินทาเค้าในลิฟท์ เผอิญในลิฟท์นั้นมีคนขับรถของนายคนนั้น ก็เลยชวดไป 

คุณดังตฤณก็เคยพูดว่าคนที่รู้สึกตัวมันจะดูงามโดยอัติโนมัติ  อย่างน้อยก็ไม่ดูเอ๋อๆ 

เค้าก็เตือนเรื่องการใช้ไม้จิ้มฟันบนโต๊ะอาหาร และการแต่งหน้าในที่สาธารณะด้วยว่าไม่ควรทำ ฉันเติมเรื่องการแคะ แกะ เกาด้วย เช่น การแคะขี้มูกต่อหน้าธารกำนัล ดูไม่โอเคอย่างมาก

วันที่สองพูดเรื่องเทคนิคการนำเสนอ  (Presentation skill) บางอย่างก็เวอร์ดูเป็นอเมริกันไป (John Robert Powers เป็น American Company) หรือเป็นผู้ประกาศข่าวทางทีวีไป แต่บางอย่างก็ดี เล่าเลยละกัน

Ten Verbal Techniques

  • Purposive attention จูงใจผู้ฟังด้วยเป้าประสงค์
  • Emphasis ด้วยคำสำคัญ เช่น สำคัญที่สุด, หลัก, อันเป็นหัวใจ, ที่เติบโตอย่างสูง
  • Quiz ใช้รูปประโยคคำถามเพื่อกระตุ้นความสนใจ  หลังตั้งคำถาม เว้นวรรค ("แตะเบรก") นิดหนึ่ง เพื่อกระตุ้นต่อม "เอ๊ะ" ของคนฟัง
  • Pin point สร้าง Road map ให้คนฟัง
  • Manipulate โน้มน้าวให้เชื่อด้วยคำพูดที่ว่า "ทุกท่านคงเห็นด้วยนะครับว่า..."
  • Glue ใช้คำเชื่อมประเด็น Cause-effect, transition
  • Metaphor/Analogy พูดให้เห็นภาพ เช่น กุญแจสามดอก ปิรามิดที่มี ๔ ฐาน
  • Step up ถ้อยคำเชื่อมต่อยอด เช่น เริ่มจาก... ต่อไป...
  • Repeat sentence เช่น ไม่ใช่แค่ช่วยให้...แต่ยัง...
  • Call for action: สรุปให้เกิดพฤติกรรม
ส่วน Non-verbal skills มีเยอะมาก เช่น สบตาผู้ฟัง (ฉันถูก commented เรื่องการไม่สบตาคนฟัง ก็สบแล้วมันเสียสมาธิ อยากหันไปด่าลูกศิษย์แทน) การใช้มือแขนประกอบการพูด การวางแขน การยืน การเดินขณะพูด และจริงๆ แล้วประสิทธิภาพการสื่อสารขึ้นกับ Non-verbal communication เยอะกว่าคำพูดเสียอีก  ตัวอย่างที่ดีที่เค้าใช้แสดงให้ดู คือ Al Gore ในสารคดี An Inconvenient Truth ก็เลียนแบบท่านละกัน... 

    Comments