เรามีกัน 20 คน ฉันแก่เกือบที่สุด แทบทุกคนเป็นแฟนหนังสือของพี่อ้อย ซึ่งฉันไม่เคยอ่าน
วันแรกๆ ก็เริ่มอย่างช้าๆ แนะนำตัวเอง กฏของการอยู่ร่วมกัน แนะนำตารางกิจกรรรม
กิจกรรมมีหลากหลายมากๆ เป็นส่วนผสมที่นวล แต่มีธีมหลักคือการเชื่อมต่อกับตัวเอง ซึ่งก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง กับสิ่งมีชีวิต กับพลังงานอื่นๆ
เราอยู่กัน 7 วัน (แต่ฉันอยู่ 6) Core activities ที่ทำทุกวันมี 2 อันคือ Sit spot ซึ่งคือการนั่งเงียบๆ ตอนเช้าที่จุดเดิม 10-30 นาที ฉันชอบอันนี้มากและเอามาทำต่อที่กรุงเทพ และ Story of the day ที่เล่าแบ่งปันกันหลังอาหารเย็น ก็ได้ทบทวนตัวเอง และได้ยินคนอื่น แต่เรื่องบางเรื่องฉันไม่คอนเน็ค ก็ได้ฝึกฟัง
เราได้เปิดอายตนะ การมองเห็น ได้ยิน กลิ่น รส สัมผัส สัญชาตญาณ ฉันชอบกิจกรรมปิดตาพบเพื่อนต้นไม้ที่ป่าจอบ เริ่มได้รับการคอนเฟิร์มว่าควรทำงานกับนิสิตต่อไป
My lime tree |
ฉันวาดรูปและทำท่าได้ แต่ที่น่าอายคือวาดได้ไม่สวยแล้วต้องเอามาวางรวมกันให้คนอื่นดู ในกลุ่มนี้มีหลายคนที่วาดรูปเป็นอาชีพหรือวาดเป็นประจำ ความไม่สวยของฉันโดดเด่นมาก ฉันรู้สึกเขินและเสียหน้า แต่ก็ภูมิใจในผลงาน (ความมั่นใจช่วยได้) ประเด็นมันอยู่ที่เราได้ทำ และฉันเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ มันก็ดีขึ้น
ฉันได้เรียนรู้ว่าเราคอนเน็คกันในระดับพลังงานจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเก๋ๆ ฉันเคยเข้าเวิร์คช็อปแล้วฉันเล่าเรื่องอดีตตัวเอง พี่อีกคนร้องไห้ อีกคนบอกฉันว่า เพราะฉันไม่ร้อง คนนี้เลยต้องร้องแทน ฉันสงสัยมาตลอดว่าเว่อร์หรือเปล่า
งวดนี้เจอกับตัวเอง น้องคนนึงมีเรื่องที่เป็นแผลหนักแน่ๆ แต่นางก็ฮึบไว้ ไม่พูดถึงมัน เล่าแบบอ้อมมากๆ ตอน Story of the day ฉันร้องไห้แทน ส่วนวันอื่นๆ คนในวงบอกว่ารู้สึกอึดอัด และร้อนในวันที่นางยังไม่คลี่คลาย
ผ่านไป 2-3 วัน พี่น้อง ธนัญธร ก็มาแจม ฉันเคยได้ยินชื่อพี่น้องมานาน แต่เพิ่งได้เจอ นางมีไวป์ของ Elder และแม่มด แต่แววตาดูเมตตาและขึ้เล่น ทำให้ฉันไม่กลัว ถึงแม้ยังไม่ได้คุยกัน นางฟัง My story of the day แล้วสะท้อนว่าฉันเผยความเปราะบาง เด็กน้อยที่ต้องการการดูแล ออกมาแป๊ปเดียว แล้วก็ห่อกลับไปใหม่ คำสะท้อนนี้ทะลุหัวใจมาก แต่ดี นางบอกว่า Facing one's own vulnerabilities allows one to face the truth.
Credit: ครูน้อง |
ความรู้ใหม่อีกอย่างคือพืชทุกชนิดมีเทพที่คุ้มครองอยู่ เราไปฝึกคอนเน็คกับแปลงข้าวที่กำลังออกรวงที่ทุ่งน้ำนูนีนอย พลังงานมาเบามากๆ ฉันไม่ได้ถามอะไร ฉันมาเก็ต message ตอนเขียนบันทึกว่า เขาบอกให้ฉันลดความเข้มข้นลง ให้เบาๆ ชิลล์ๆ
เช้าวันต่อมา เราได้การบ้านให้ไปคอนเน็คกับสัตว์ ฉันไม่ได้คอนเน็คอะไรมาก แต่รู้ว่าได้เห็นนกเยอะกว่าทุกที
อีกวัน เราก็ได้ไปเดินป่าที่ศูนย์วิจัยเชียงดาว น้ำมากก็ไม่ได้เข้าไปลึก หน้าฝนดีตรงเห็ดเพียบ สนุกที่มีคนมาชี้ให้ดูสิ่งต่างๆ และอธิบายความสัมพันธ์และวิวัฒนาการให้ฟัง ได้ทักทายกับต้นจามจุรีและต้นสมพงศ์ที่เป็น Elder ของพื้นที่
ขอบคุณมล |
นางบอกว่าไม่ต้องคุยกับแม่ที่เสียไป เพราะจะทำให้ไม่จบ อโหสิกรรมและอุทิศส่วนกุศลดีกว่า และให้ทำดีกับคนรอบตัวเราตอนนี้ ซึ่งฉันโคตรเห็นด้วยและ Enlightened ฉันมากๆ ได้แค่นี้ฉันก็กลับกรุงเทพอย่างสบายใจแล้ว
แต่ก็ยังมีกิจกรรมที่พีคอีก คือ Quest ฉันชอบพิธีกรรมส่งตัวคนออกเควส มีครูโอ๋และเจ็ทเป็นประตู ครูน้องเป็น Shaman ให้พรผ่านการสัมผัส เอาหน้าผากชนกัน คำพูด และการร้องเพลง พรและเพลงของแต่ละคนต่างกัน ของฉัน ครูน้องบอก "ขอให้ใช้ปัญญาให้สุดๆ ไปเลย" ว้าว!!
เควสของฉันสบายๆ เลือกที่ร่ม ริมน้ำ ได้เมสเสจจากแมลงปอและลูกตะขบว่า "ฉันควรจะช้าลง" ถ้าเคลื่อนไหวด้วยสปีดปกติของฉันๆ จะไม่เห็นอะไรเลย พอช้าลงแล้วก็เห็นสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ มิน่า ฉันถึงชอบอะไรที่แรงๆ ใหญ่ๆ เช่น ใบกล้วยที่แทนตัวฉันก่อนไปเควส
สถานที่ๆ จัดคอร์สสัปปายะมากๆ ดอยหลวงเชียงดาวเป็นเพื่อนเดินทาง เป็นที่พักสายตา
Credit ครูน้อง |
KPI หลักของฉันคือความเห็นและรับได้กับด้านมืดตัวเอง คือ พอเห็นความน่าเกลียดของมันเรื่อยๆ เราจะไม่ทำมันไปเอง ไม่ต้องกดช่มอารมณ์ หรือแอ๊บเป็นคนดี
Comments