ฉันนึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ ช่วงนี้ ฉันรู้สึกคล้ายๆ แบบนั้นว่าเพื่อนช่วยทำให้ช่วงชีวิตที่ยากๆ มันผ่านไปได้ แบบที่รู้ว่าเราไม่โดดเดี่ยว และเราไม่ได้ผ่านมันไปคนเดียว
ตอนที่อยากจะตามใจตัวเอง ไม่ใช้สมอง ฉันรู้สึกเกรงใจเพื่อนที่จะกลับไปทำสิ่งโง่ๆ อีก ก็เลยไม่ทำ สงสารเพื่อนที่จะต้องมานั่งฟังเราพร่ำเพ้อ บ่นวนไปวนมาด้วยเรื่องเดิมๆ มาสองปี น่าจะพอได้แล้ว
ฉํนรู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนถึงสี่คนที่คอยฟังฉัน ถ้าคนนี้ไม่ว่าง ก็มีคนอื่นๆ ให้โทรหา ทุกคนรู้เรื่องราว ที่มาที่ไป ฐานคิดของฉัน
มีคำพูดหลายคำของเพื่อนที่ทำให้ฉันหยุด
- มูบอกว่า "ไม่สงสารตัวเองบ้างเหรอ"
- ต่ายบอกว่า "พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาอย่างดี จะให้เขามาทำไม่ดีกับเราได้ยังไง"
- ปรางบอกว่า "ถ้าอาจารย์กลับไป ก็เหมือนอ.ไม่เคารพตัวเอง เดินหน้ามาขนาดนี้แล้ว"
- ผึ้งบอกว่า "ก็ช่างมันไง ตัดไปเลย"
เพื่อนก็ฟังเรามาได้น่ะ ฉันรู้สึกว่าเป็นคนมีบุญมาก มีเพื่อนเก่าแก่ทึ่คบกันมานาน มีเพื่อนต่างเพศ มีลูกศิษย์ที่เปลี่ยนมาเป็นเพื่อน และกล้าตักเตือนฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะแก่กว่ามาก เขาต้องรู้สึกปลอดภัยกับฉันสุดๆ และหวังดีสุดๆ ถึงเตือนกัน เพื่อนเหล่านี้ฉันไว้ใจได้ รู้ว่าอย่างไรก็จะมาช่วยเหลือเราแน่นอน ไม่ทิ้งกัน มันเป็นความอุ่นใจ
เพื่อนเป็นครอบครัวที่เราเลือกเองจริงๆ ก็ขอบคุณเรื่องสะดุดๆ ที่ทำให้เราได้ปรับมุมมองใหม่ๆ เห็นคุณค่าของสิ่งที่มี
Comments