กินไอติมรอคิวว่าง |
วันนี้ ชั้นพบว่า จริงๆ แล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พิธีกรรมหรือกิจกรรม ปัญหามันอยู่ที่เราให้ความหมายใหม่กับกิจกรรมเดิมๆ ได้หรือเปล่า
อัลบั้มรูปงานวันนี้
ชั้นรู้สึกว่านิสิตเปลี่ยนไปมาก ในขณะที่อาจารย์ไม่ยอมเปลี่ยนหรือเปลี่ยนไม่ทัน อาจารย์บางคนยังรับไม่ได้ที่นิสิตพูดด้วยแบบพูดกับมนุษย์ทั่วไป ไม่ใช่พูดกับมนุษย์อาจารย์ เช่น เข้าไปในลิฟท์แล้วบอกให้กดชั้น "นิสิตควรกดชั้นด้วยตัวเอง มาสั่งอาจารย์ได้ยังไง"
วันนี้ก็มีอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดจากที่เราจัดงานนี้ ตอนเที่ยงต้องใช้คูปองแลกอาหาร ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวและข้าวมันไก่ ทำกันจานต่อจาน ไม่ได้ทำเตรียมไว้ก่อน คิวยาวมาก ถ้าใช้มุมมองของอาจารย์แบบเดิมๆ อาจารย์ต้องได้ไปเอาอาหารก่อน ลัดคิวได้ หรือมีนิสิตอาสาไปต่อให้ แต่นี่ไม่มี ถึงจะหิว เราก็รอจนกว่าคิวจะสั้นแล้วไปต่อคิว ระหว่างนั้นก็กินไอติมแก้หิวไป ชั้นว่าทำแบบนี้แฟร์มาก ชั้นชอบมาก และในหมู่อาจารย์ที่ไปช่วยงานกัน ก็ไม่มีใครบ่นว่านิสิตไม่มีสัมมาคารวะ หรือจะไปลัดคิว ก็รอไป (มีลัดคิวนึดนึงเพราะต้องไปประชุม) ประเด็นนี้ชั้นชื่นชมอาจารย์ภาคฯ ชั้นมาก I salute you!
เมื่อเราใส่ความหมายให้กับสิ่งที่ทำได้ งานนั้นก็มีความหมาย เช่น เราได้ทำ Survey มาก่อนว่านิสิตมีความคาดหวังต่องานนี้อย่างไร พอเรารู้แล้วเราก็พยายามตอบโจทย์นั้นให้ได้ สิ่งที่พบจาก Survey คือ ก็ยังมีนิสิตที่อยากฟังโอวาทจากอาจารย์ จริงๆ แล้วมันเป้นคำร่ำลาและการแสดงออกซึ่งความปรารถนาดี และความเมตตา
ความหมายใหม่ที่เราใส่ให้กับงานปัจฉิมคือเป็นโอกาสท้ายๆ ที่เด็กๆ จะได้อยู่ด้วยกัน รู้จักกันเพิ่มขึ้น สนุกด้วยกัน สนุกกับอาจารย์ นอกจากเรื่องการให้ข้อมูลจรรยาบรรณวิศวกร ซึ่งเราก็ทำเป็นกรณีศึกษาแล้วให้เค้าคุยกัน แทนที่จะเปิดสไลด์บรรยาย
ประเด็นหลักที่เด็กต้องการคืออยากสนุก อ.ลิ้มและอ.ปูทุ่มเทกับการทำเกม Kahoot มากๆ ทายเพื่อน ทายอาจารย์จากรูปอวัยวะหรือรูปตอนเด็กๆ
นิสิต initiate การมีส่วนร่วมในงานด้วยตัวเอง เปิดวีดีโอที่พวกเค้าแสดงเป็นอาจารย์ ให้เพื่อนและพวกเราเดาว่าแอ๊กติ้งแบบนี้คือใคร ฮามาก
ความสนุกอีกอย่างของงานนี้คือเป็นการร่วมมือกันของอาจารย์ ไม่ใช่แค่อาจารย์กิจการนิสิตอย่างเดียวเหมือนทุกครั้ง พอทำด้วยกันแล้วมันก็ดี นอกจากได้งานที่สมบูรณ์ขึ้น ส่วนร่วมจากเด็กนี่มาทีหลัง
ชั้นคิดว่าเราสอนเรื่อง Team work ด้วยการทำให้เด็กดู เวลาเราทำงานด้วยกัน
ปีที่แล้วเป็นปีที่เราเริ่มเปลี่ยนงานปัจฉิม โดยเราใช้กระบวนกรมาช่วย พบว่าก็ไม่ตอบโจทย์เรา เพราะเค้าไม่เข้าใจบริบทของเราทั้งหมด ถึงแม้จะได้คุยงานกันหลายรอบแล้วก็ตาม ปีนี้เป็นปีที่ชั้นรู้สึกว่าเราทำเองได้ และเราก็ทำเอง โดยที่เก็บกิจกรรมของปีที่แล้วเอาไว้อันเดียวคือเขียนข้อความถึงเพื่อน
ดีที่กิจกรรมนี้มาหลังวีดีโอคลิปนิสิตและอาจารย์ของรุ่นนี้ ซึ่งอ.บอลทำ อารมณ์มันส่งมาแล้ว และเราให้เค้าเขียนจดหมายน้อยถึงเพื่อนหรืออาจารย์ ๖ คนที่อยู่ในห้อง โดยบอกแค่นี้ พอเขียนเสร็จ พร้อมๆ กัน ให้นำไปมอบให้คนๆ นั้นด้วยตัวเอง ก็น้ำหูน้ำตาไหลกัน มีกอดกัน คนนำกิจกรรมแทบไม่ต้องทำอะไรถ้าพลังงานในห้องมันถึง เหมือนลูกกอล์ฟจะลงหลุม พัทนิดเดียวก็ลงแล้ว
จดหมายน้อยนี้เป็นกำลังใจสำหรับอาจารย์ด้วย ชั้นไม่ได้สอนพวกเค้าเท่าไหร่ ได้มา ๔ อัน อันที่รู้สึกแปลกใจคือนิสิตวิชาสัมมนาที่ชั้นแทบไม่ได้คุยด้วยเลย ชั้นรู้สึกดีว่าสิ่งที่เราลองทำมีประโยชน์กับบางคน อีกสองอันมาจากนิสิตในที่ปรึกษา อีกอันมาจากเพื่อนร่วมงาน!!! Electronically sent and deeply touching...
- ขอบคุณพลังจักรวาลและตัวหญิงที่สร้างกิจกรรมหลายอย่างให้เกิดขึ้นในปีนี้
- ได้เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงาน จากเด็กหลายอย่างและต้องปรับตัวให้เข้ากับ gen ใหม่ที่มาถึง เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิต…ของงาน
- ขอบคุณจริงๆ คือการได้เข้าสู่ร่มธรรมะจากหญิงเป็นต้นแบบที่สำคัญ หลายอย่างของเราอาจไม่ได้ดูธรรมะเลย 5555 แต่มันมีที่อยู่ให้ใจเราเสมอ อารมณ์ต่างๆ ดีใจ เสียใจ ที่ผ่านมาในแต่ละวัน มันสอน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เราได้ฝึกทุกวัน ทุกสิ่งก็แค่ ที่นี่ เดี๋ยวนี้…แต๊งกิ้วววว
เรื่องการให้ความหมายใหม่ทำให้นึกถึงพี่ณัฐ ที่เคยพูดว่าคนสมัยนี้โหยหาความหมาย จริงๆ ทำเป็นอาชีพได้เลย นักโฆษณา กระบวนกร ผู้นำทางจิตวิญญาณ ก็ลงล็อคนี้ทั้งหมด
Comments