วัดกุศลสมาคร |
วัดที่สองก็เป็นศาลเจ้าจีนไม่ไกลกันนัก ชื่อวัดบำเพ็ญจีนพรต (ย่งฮกยี่) มีพระพุทธรูป ๓ องค์เหมือนวัดจีนทั่วไป คือ องค์อดีต องค์ปัจจุบัน (สมณโคดม) และองค์ที่จะมาในอนาคต คือ พระศรีอาริยเมตรัย มีรูปปั้น ๑๘ อรหันต์ แล้วมีเทพกวนอู (เพิ่งรู้ว่าลัทธิขงจื้อบูชาความกตัญญู ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์) แล็วก็มีเทพอีกองค์ สรุปแล้ววัดนี้เป็นทั้งวัดพุทธและวัดขงจื้อ เอ๊ หรือเป็นวัดเต๋า ศาลนี้มีดูคลาสสิกมาก ตรงศาลเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า (แทนโลกมนุษย์) มีเสากลม (แทนสวรรค์) เป็นสื่อกลางระหว่างสวรรค์และโลก ตรงกลางเป็นลานเปิดโล่ง ให้แสงธรรมชาติส่องมาได้ เพื่อให้สวรรค์ได้รับรู้ถึงความดีที่กำลังทำ
จิตรกรรมที่โบสถ์วัดจักรวรรดิ |
แล้วเราก็แวะไปอีก ๒ วัดคือวัดจักรวรรดิและวัดบพิตรภิมุข ภายในอุโบสถวัดจักรวรรดิอลังการมาก จิตรกรรมฝาผนังสวยมาก เป็นเทพเดินพาเหรดถือของไปนมัสการพระพุทธเจ้า ถือของไม่เหมือนกัน และแต่งตัวไม่เหมือนกัน แล้วก็มีทศชาติ จิตรกรรมยังดูสดใหม่อยู่ โบสถ์นี้สร้างโดยเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ท่านเป็นแม่ทัพสำคัญในร. ๓ ต้องทำศึกกับญวนมาก ในระหว่างนั้นก็ได้ซ่อมวัด สร้างวัด คงต้องสร้างบารมีเสริมไปกับการที่ฆ่าคนไปมาก ตรงประตูด้านใน วาดเป็นรูปเทพจีนเฝ้าประตู แต่ประตูด้านนอกก็เป็นลายเทพแบบไทยๆ ที่วัดจักรวรรดิมีพระพุทธบาทเลียนแบบที่สระบุรี ก่อนที่จะสร้างวัดพระพุทธบาทที่สระบุรี คนอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ต้องไปถึงลังกาเพื่อบูชาพระพุทธบาท ที่ลังกาเลยบอกว่ามาทำไม เมืองไทยก็มี เดิมพระพุทธบาที่สระบุรีเป็นรอยบุ๋มในหิน มีน้ำอยู่ ชาวบ้านเอาน้ำนี้มาลูบตรงแผลที่เป็น ก็หาย จึงเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์
เคยเป็นพลับพลาสำหรับร.๕ ตอนเสด็จมาทางคลอง ที่วัดบพิตรพิมุข ตอนนี้ยกพื้นสูง ทำเป็น ห้องสมุดประชาชน |
ที่วัดนี้เคยมีพระบางประดิษฐานอยู่ ว่ากันว่าเทพที่อารักพระบางไม่ถูกกับเทพที่อารักพระแก้ว จึงเกิดข้าวยากหมากแพงเมื่อมาอยู่เมืองเดียวกัน จึงต้องอัญเชิญกลับหลวงพระบาง ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร
ชอบที่ได้เห็นร้านยาเจ้ากรมเป๋อ ดูโบราณมากๆ มียาที่ผสมแล้วบรรจุซองกระดาษ แต่ไม่เขียนสรรพคุณว่ารักษาอะไรเลยไม่ได้ซื้อมา
ตรงแยกวัดตึกก็มีร้านเวชพงศ์ ก็มันดี เข้าไปซื้อจับเลี้ยง พุทราจีน แล้วก็เครื่องต้มซุป ช่วงนี้ชอบทำข้าวต้มตอนเช้า
แล้วเราก็ไปวัดบพิตรพิมุข ซึ่งเคยเป็นที่ๆ เผาศพคนตาย มีอหิวาต์ในช่วง ร.๒ คนตายมากจนเผาไม่ทัน ว่ากันว่าบริเวณนี้ขุดลงไปก็ยังมีโครงกระดูกอยู่ จิตรกรรมฝาผนังเป็นลายกราฟฟิก เรขาคณิตแล้วก็ลายดอก ดู Modern ไปอีกแบบ
โบสถ์วัดบพิตรพิมุข พระประธานเป็นพระสมัยอยุธยาที่งามมาก |
มีคนท้องถิ่นไปกับเราด้วย เราเลยได้เดินเลียบคลองโอ่งอ่าง (มีชื่อที่เก๋กว่านี้) เพื่อไปออกที่ไปรณียาคาร เป็นตึกที่จำลอง facade ตึกเดิมที่อยู่ข้างๆ เห็นตอนแรกดูอลังการมาก แต่ว่าพอเข้าไป เป็นอาคารแบนๆ ลึกประมาณ ๒ ม. คือจำลองมาจริงๆ ตัวตึกเฉยๆ แต่ฉันชอบที่ได้เห็นสะพานพระปกเกล้า สะพานพุทธ เพิ่งเห็นตลาดกลางคืนที่สะพานพุทธ เค้าเริ่มมาตั้งแผงกัน เห็นคนขายก็พอเดาสไตล์ลูกค้าได้ คนขายไม่ใส่เสื้อ เห็นลายสัก ผอมๆ
ส่งโพสต์นี้ให้เพื่อนอ่าน เพื่อนบอกว่ามีพาเที่ยวโบราณสถานแบบนี้หลายเจ้า เช่น คุณจิตกร บุษบา ส่วนอีกที่ๆ ฉันเคยไปคือของสยามสมาคม
Comments