ความมั่นใจที่ไม่เหมือนเดิม

มาวัดคราวนี้อยู่นานกว่าทุกที ปกติจะไม่เกินอาทิตย์หนึ่ง คราวนี้สองอาทิตย์เพราะมีงานภาวนาสองงาน อยู่วัดได้สองวัน ตารางชีวิตก็เริ่มลงตัว เช้าแรกที่ต้องตื่นตีสามกว่า ต้องฉุดตัวเองออกจากที่นอน หลังจากนั้นก็ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก

ฟังเทศน์หลวงพ่อปราโมทย์ที่ว่า ให้สังเกตว่าทุกๆ อย่างที่เราทำ ลึกๆ มี”เรา” อยู่ข้างใน เหมือนว่าเวลาฉีกตัวออกจากบริบทปกติในการดำรงชีวิต ฉันเห็นตัวเองชัด เริ่มเห็นว่าการแต่งตัวของเรา การเลือกของใช้ของฉัน เป็นการสะท้อนหรือความพยายามที่จะยืนยันความมีตัวตนจริงๆ เช่น วันก่อนหยิบกระเป๋าใส่ของจุกจิกออกมา มันเป็น Louis Vuitton ที่ซื้อมานานแล้ว สมัยยังบ้าของมียื่ห้อ ขนาดเลิกบ้าแล้วก็ยังเห็นใจว่าอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราใช้ของมียี่ห้อ ฉันเป็นคนรวยนะ

เวลาทำเรื่องดีๆ ถึงแม้จะรู้ว่าเราไม่ได้แคร์ให้ใครมาเห็น ลึกๆ ก็อยากให้มีคนรับรู้ว่าเราเป็น “คนดี”

ไม่แน่ใจว่าแก่ หรือว่าการภาวนาเริ่มได้ผล คือ ฉันพบว่าอารมณ์มันสุดโต่งน้อยลง เดิมเป็นคนที่อินกับทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้ขนาดอะไรที่ชอบมากๆ มันก็ยังชอบอยู่ แต่ความยินดีมันไม่พุ่งปรี้ดขนาดนั้น ส่วนความขี้หงุดหงิดก็ลดดีกรีลง ก็เริ่มเข้าใจนะเวลาที่เค้าบอกว่ารู้สึกตัวเบามันเป็นอย่างไร ตอนที่ Self จัดมันเหมือนเป็นอึ่งอ่างที่ตัวพองกว่าปกติ ใจหนักๆ ด้วย ตอนนี้เหมือนสัมภาระที่แบกไว้มันลดลง ก็ยังเป็นคนมั่นใจในตัวเองเช่นเดิม แต่เราพบว่าเราพยายามจะบังคับคนอื่นลดลง เผื่อใจสำหรับความพลาดเยอะขึ้น ไม่ค่อยยึดติดกับผลลัพธ์มาก (หรือเป็นผลพวงจากที่เราสุงสิงกับคนไม่ยึดติดกับผล?)

ก็ยังอยากให้การภาวนามันก้าวหน้าไปกว่านี้ แต่การมองเห็นมันเป็นเป้าหมายมันน้อยลง เหมือนมันเป็น End product ส่วนการภาวนาเป็นการเดินทางมากกว่า

Comments