เมื่อวานไปกินข้าวกับเพื่อนอาจารย์ที่คณะ คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อที่ฉันเคยไปกราบบ่อยๆ ส่วนอีกคนก็สนใจเรื่องธรรมะอยู่บ้าง คุยกันถึงหมอพีร์ ที่เป็นหมอดูที่สนิทกับคุณดังตฤณ ฉันและเพื่อนคนแรกรู้จักเค้าเพราะว่าเค้าเขียนคอลัมน์ลงใน newsletter ธรรมะใกล้ตัว ฉันให้เค้าดูดวงให้พราะว่าอยากเช็คว่าที่เราวิเคราะห์ตัวเองไว้ถูกต้องหรือเปล่า เรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในชาตินี้เกิดจากชาติที่แล้วฉันทำ...มา แล้วก็เป็นสไตล์หมอพีร์จริงๆ ที่พูดเรื่องพื้นดวงของฉันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร โดยที่ฉันยังไม่ต้องเปิดปากถาม อ้อ..ฉันเดาถูกว่าชาติที่แล้วฉันพลาดเรื่องอะไร อ่านหนังสือคุณดังตฤณมากๆ ก็พอเดาได้
เพื่อนผู้หญิงคนที่ไปด้วยนี้ไม่ดูดวง ถามฉันว่ารู้เรื่องอดีตแล้วช่ วยอะไรได้ คือแม่เค้าก็ศึกษาเรื่องโหราศาสตร์ด้วยตัวเอง แต่ว่ากลับกลายเป็นใช้เป็น"ข้ อแก้ตัว" (คำของฉัน) ว่า ฉันเป็นงี้เพราะพื้นดวงเป็นแบบนี้ ช่วงนี้เป็นทุกข์เพราะดวงไม่ดี. .. เหมือนลัทธิพรหมลิขิต/กรรมลิขิ ต ฉันว่าถ้าเป็นงั้นจริง ฉันก็งอมืองอเท้า ไม่ต้องทำอะไรก็ได้น่ะสิ.. แนวคิดแบบนี้มันก็อ่อนแอท้อแท้ เกินไป...
ฉันบอกว่า พอรู้พื้นดวงตัวเองแล้วก็ ๑. ทำให้เราไม่ฟูมฟายว่าทำไมจะต้ องเกิดเรื่อง...กับฉัน พวก Why me? น่ะ ๒. เราก็จะได้รู้ธรรมชาติของตั วเอง ว่าเราเป็นยังไง จะได้ resist มันได้ ฝีนไปบ่อยๆ ก็ชินเอง (ฉันนึกถึงคำว่า คนเหนือดวง) ฉันเป็นคนเชื่อเรื่องการฝึก ตอนอยู่อเมริกาออกกำลังด้ วยการวิ่งทางไกล (ทีละ ๘ กม. สัปดาห์ละ ๔ ครั้ง) ไม่ว่าฝนจะตกพรำๆ หิมะจะตก ถนนจะมีหิมะหรือน้ำแข็งคลุม ก็ออกไปวิ่งอยู่ดี คือ อาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกเค้าเป็นนักวิ่ ง แล้วฉันวิ่งกับเขาสัปดาห์ละวัน ก็เลยได้นิสัยนี้มา ฉันเชื่อเรื่องการฝึกน่ะ ทำบ่อยๆ ก็ชินเอง แล้วก็จะรู้สึกแปลกๆ หากไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านั้น ฉันว่างานภาวนาก็เหมือนกัน ตอนแรกน้อยคนคงอยากลุกขึ้นมาเดินจงกรมทุกวัน แต่พอทำๆ ไปก็ชิน แล้วก็เห็นประโยชน์ของมันที่เกิดกับตัวเอง ก็เลยชอบไปเองโดยอัติโนมัติ
จริงๆ นะ สิ่งที่ได้จากการเรียนปริญญาเอกคื อวินัย และความอดทน ความรู้มันล้าสมัยได้
พูดเหมือนชมตัวเอง แต่ฉันก็ยังไม่ถึงขั้นไม่ โกรธหรอก ประเมินตัวเองว่า move in a positive direction พอใจในชีวิตตัวเองพอสมควร แต่ก็รู้ว่าเดี๋ยวก็คงมี อะไรมาทดสอบความสงบเย็นอยู่ดี.. . Until the next disaster strikes
เพื่อนผู้หญิงคนที่ไปด้วยนี้ไม่ดูดวง ถามฉันว่ารู้เรื่องอดีตแล้วช่
ฉันบอกว่า พอรู้พื้นดวงตัวเองแล้วก็ ๑. ทำให้เราไม่ฟูมฟายว่าทำไมจะต้
จริงๆ นะ สิ่งที่ได้จากการเรียนปริญญาเอกคื
พูดเหมือนชมตัวเอง แต่ฉันก็ยังไม่ถึงขั้นไม่
Comments